วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559

จิตวิทยาบุคคลิกภาพ Freud


Saul Steinberg avec masque en papier, by Irving Penn, 1966
Personality บุคคลิกภาพทำให้คนเรามีลักษณะเฉพาะ แตกต่าง เป็นผลจากการทำงานของสมอง + ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อม
รากศัพท์มาจาก Persona หน้ากาก,บุคคล
// หน้ากากที่ทำให้คนอื่นประทับใจ และปกปิด ซุกซ้อน สิ่งที่น่าเกลียดของตัวเองไว้ภายใน //


สังเกตได้จากลักษณะทางกาย 
สังเกตง่าย คือ รูปร่างหน้าตากิริยาท่าทาง น้ำเสียง คำพูด ความสามารถทางสมอง ทักษะการทำกิจกรรมต่างๆ
สังเกตจากลักษณะทางจิต 
สังเกตยาก คือ ความรู้สึกนึกคิด เจตคติ ค่านิยม ความสนใจ ความมุ่งหวัง อุดมคติ เป้าหมาย และความสามารถในการปรับตัว 

(จิตวิเคราะห์ Psychoanalytic model) ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud)
*เน้นเรื่องเพศ แบ่งการเจริญเติบโตเป็นขั้นๆ ซึ่งมีผลกับการพัฒนาบุคคลิกภาพ
โครงสร้างของบุคคลิกภาพของฟรอยด์ ID + SUPEREGO + EGO
          ID --- ไม่สารมารถทนต่อ tension ได้ เป็นสัญชาตญาณโดยกำเนิด อยู่ในระดับจิตใต้สำนึก ไร้ศีลธรรม ไม่ถูกขัดเกลา เหมือนสัตว์มีเพียงควาต้องการพื้นฐานในการดำรงชีวิต ใช้หลักความพึงพอใจ (Pleasure Principle)

เป็นพื้นฐานของพลัง LIBIDO คือพลังที่เกิดจากแรงขับทางเพศ **แต่ไม่ใช่SEX เช่น แต่งตัวsexyเพื่อให้คนอื่นสนใจ
          พลังลิบิโด (Libido)เป็นพลังที่ทำให้มนุษย์ มีความปรารถนา และความต้องการที่จะได้รับความพึงพอใจ ซึ่งlibidoสามารถเคลื่อนที่ เปลี่ยนรูปได้ ตามระยะเวลาของพัฒนาการจากขั้นหนึ่งไปสู่อีกขั้นหนึ่ง และยังสามารถเคลื่อนที่ไปยังวัตถุ หรือบุคคลนอกตัวเราได้ เช่น หากlibidoเคลื่อนไปอยู่ที่แม่ ก็จะทำให้เด็กเกิดความรัก และความหวงแหนแม่
          Libido พลังงานที่ทำให้คนเราอยากมีชีวิตอยู่ อยากสร้างสรรค์ อยากมีความรัก มีแรงขับทางด้านเพศ หรือกามารมณ์ (Sex) เพื่อจุดเป้าหมาย คือความสุขและความพึงพอใจ โดยมีส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ไวต่อความรู้สึก และได้เรียกส่วนนี้ว่า อีโรจีเนียสโซน (Erogenous Zones) แบ่งออกเป็นส่วนต่าง
- ส่วนปาก ช่องปาก (Oral)
- ส่วนทางทวารหนัก (Anal)
- และส่วนทางอวัยวะสืบพันธุ์ (Genital Organ)
          SUPEREGO --- มโนธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่ได้มีมาแต่กำเนิด เกิดจากการถูกสั่งสอน ขัดเกลาทางสังคม แม้ไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอนก็สามารถสร้างมโนธรรมได้เอง โดยการเลียนแบบุบคคลในอุดมคติ (identification การเลียนแบบ)
เนื่องจากSUPEREGOเกิดจากการถูกสั่งสอน จึงแบ่งได้2แบบ
1. "Conscience" ซึ่งคอยบอกให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา มักจะเกิดจากการขู่ว่าจะทำโทษ เช่น "ถ้าทำอย่างนั้นเป็นเด็กไม่ดี ควรจะละอายแก่ใจที่ทำแบบนั้น"
2. "Ego ideal" ซึ่งสนับสนุนให้มีความประพฤติดี มักจะเกิดจากการให้แรงเสริมบวก หรือการยอมรับ เช่น แม่รักหนู เพราะหนูเป็นเด็กดี ทำแล้วได้รับรางวัล
***เมื่อเด็กถูกสั่งสอน เด็กจะขาดกการได้เป็นตัวของตัวเอง เด็กจึงมักต่อต้าน ด้วยการ ดื้อ
***หากปล่อยให้คนแสดงออกตามสัญชาตญาณดิบ แสดงออกเหมือนสัตว์ คนเราคงต้อง ต่อสู้ หลบหนี แย่งชิง แต่มนุษย์ถูกสอนให้อดทนและใช้เหตุผลจึงทำให้คนเราต้องทุกข์ทรมานกับความวิตกกังวลจากอารยธรรม
          EGO --- การสมาธชนสนธิเชื่อมระหว่างID และ SUPEREGO
ใช้หลักความเป็นจริง (reality principle) เพราะEGO ต้องคอยประนีประนอม เอาใจนายทั้งสาม คือ ID ซึ่ง id ก็จะโน้มน้าวให้EGOทำตามที่มันพอใจ
 ทำให้นายคนที่สองต้องมาคอยห้าม คือ SUPEREGO ให้การกระทำของเราถูกกฏหมาย ถูกประเพณี 
ซึ่งสิ่งที่ทำให้นายสองคนแรกต้องคอยขัดคอกันคือนายคนที่สามหรือ สิ่งแวดล้อม ที่พบเจอสถานการณ์นั้นๆนั่นเอง
หากEGOของใครสามารถประนีประนอม นายทั้งสามได้ จะเรียกว่าคนปรับตัวดี Task-oriented ส่วนพวกปรับตัวไม่ดีคือ Ego-oriented

องค์ประกอบที่มีส่วนพัฒนาการทางบุคลิกภาพ
1. วุฒิภาวะ ซึ่งหมายถึงขั้นพัฒนาการตามวัย
2. ความคับข้องใจ ที่เกิดจากความสมหวังไม่สมหวัง
3. ความคับข้องใจ เนื่องมาจากความขัดแย้งภายใน
4. ความไม่พร้อมของตนเอง ทั้งทางด้านร่างกาย ด้านเชาวน์ปัญญา
และการขาดประสบการณ์
5. ความวิตกกังวล เนื่องมาจากความกลัว หรือความไม่กล้าของตนเอง

ขั้นพัฒนาการตามวัย
Psychosexual Stages
**ไม่มีใครผ่านขั้นต่างๆได้อย่างสมบรูณ์แบบ ซึ่งหากเกิดความล้มเหลวระหว่างการพัฒนาการในขั้นนั้นๆ จะทำให้เกิดการติดค้าง(Fixate)และเกิดการถอยหลังกลับไปขั้นก่อนหน้า(Regreession)
 ซึ่งจะผ่านได้ด้วยดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ พันธุกรรม และสิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดู

Cool illustration...1 ขั้นปาก ORAL STAGE   0-2ปี
          ความพึงพอใจอยู่ที่ช่องปาก เด็กมีความสุขที่จะได้ดูดกลืน
          Fixate Oral Personality --- ติดสุรา บุหรี่ พูดมากจิกกัด ถากถาง ใช้ปากเป็นเครื่องมือ ชอบดูดหรือกัดตลอดเวลาโดยเฉพาะเวลาเครียด กัดเล็บ? ดูดดินสอ กินดื่มมากกว่าปกติ


2 ขั้นทวาร ANAL STAGE  2-4ปี
          เด็กได้รับความพึงพอใจทางทวารหนัก คือ จากการขับถ่ายอุจจาระ
          Fixate --- เกิดจากการที่พ่อแม่ชอบฝึกให้เด็กขับถ่ายเป็นเวลา เมื่อความต้องการของเด็กกับการฝึกไม่ตรงกันจึงเกิดการติดค้าง --- Anal Personality --- ทำให้เป็นคนเจ้าระเบียบ เก็บกดที่เกิดจากการต้องควบคุมตัวเองตลอดเวลา (anal retentive)
เกิดจากการที่พ่อแม่ปล่อยปะละเลย(anal expulsive) --- Anal Personality ---ทำให้ขาดการควบคุม ไร้ระเบียบ ไม่สามารถทนต่อข้อกำหนดของสังคมได้
           เป็นคนเจ้าสะอาดมากเกินไป (Obsessively Clean) และเรียบร้อยเจ้าระเบียบ เข้มงวด และเป็นคนที่ต้องทำอะไรตามกฎเกณฑ์ เปลี่ยนแนวไม่ได้
อาจจะมีลักษณะตรงข้ามเลย คือไม่เป็นระเบียบ
อาจจะเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย หรือตระหนี่ก็ได้ ผู้ชายที่แต่งงานก็คิดว่า ตนเป็นเจ้าของ "ผู้หญิง" ที่เป็นภรรยาเก็บไว้แต่ในบ้าน หึงหวงจนทำให้ภรรยาไม่มีความสุข
ผู้หญิงที่มี Anal personality ก็จะหึงหวงสามีมาก จนทำให้ชีวิตสมรสไม่มีความสุข

3 ขึ้นอวัยะเพศ PHALLIC STAGE  5-7ปี
Marion Fayolle:           ความพึงพอใจของเด็กวัยนี้อยู่อวัยวะสืบพันธุ์ เด็กมักจะจับต้องลูบคลำ มีความสุขกับการขัดถูอวัยวะเพศ เกิดการเลียนแบบทางเพศ ผู้หญิงจะเลียนแบบ แม่ / ผู้ชาย จะเลียนแบบ พ่อ

            โดยเด็กผู้ชายจะเกิด ปมเอ็ดดิปุส (Oedipus Complex) เด็กผู้ชายติดแม่และรักแม่มาก และต้องการที่จะเป็นเจ้าของแม่แต่เพียงคนเดียว และต้องการร่วมรักกับแม่  แต่ขณะเดียวกันก็ทราบว่าแม่และพ่อรักกัน และก็รู้ดีว่าตนด้อยกว่าพ่อทุกอย่าง ทั้งด้านกำลังและอำนาจ ประกอบกับความรักพ่อ และกลัวพ่อ ฉะนั้นเด็กก็พยายามที่จะเก็บกดความรู้สึก ที่อยากเป็นเจ้าของแม่แต่คนเดียว และพยายามทำตัวให้เหมือนกับพ่อทุกอย่าง เรียกกระบวนนี้ว่า "Resolution of Oedipal Complex" เป็นกระบวนการที่เด็กชายเลียนแบบพ่อ ทำตัวให้เหมือน "ผู้ชาย" 
ส่วนเด็กหญิงจะเกิด ปมอีเล็คตรา (Electra Complex) แรกทีเดียวเด็กหญิงก็รักแม่มากเหมือนเด็กชาย แต่เมื่อโตขึ้นพบว่าตนเองไม่มีอวัยวะเพศเหมือนเด็กชาย และมีความรู้สึกอิจฉาผู้ที่มีอวัยวะเพศชาย แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ยอมรับ และโกรธแม่มาก ถอนความรักจากแม่มารักพ่อ ที่มีอวัยวะเพศที่ตนปรารถนาจะมี แต่ก็รู้ว่าแม่และพ่อรักกัน เด็กหญิงจึงแก้ปัญหาด้วยการทำตัวให้เหมือนแม่ เด็กหญิงมีความรักพ่อ แต่ก็รู้ว่าแย่งพ่อมาจากแม่ไม่ได้ จึงเลียนแบบแม่ คือ ถือแม่เป็นแบบฉบับ หรือต้นแบบของพฤติกรรมของ "ผู้หญิง"
ถ้าเติบโตมาในครอบครัวที่ขาดพ่อหรือแม่
เด็กผู้ชายอยู่กับแม่=มีลักษณะนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิง แต่ไม่ใช่เกย์?
เด็กผู้หญิงอยู่กับพ่อ=มีลักษณะแข็งกระด้างไม่อ่อนหวาน แต่ไม่ใช่ทอม?

4 ขั้นแฝง LATENCY STAGE  8-12ปี
          เด็กลดความต้องการทางเพศลง (Quiescence Period) เด็กชายมักเล่นจับกลุ่มกับเด็กชาย ส่วนเด็กหญิงก็จะเล่นหรือจับกลุ่มกับเด็กหญิง ไม่ค่อยเกิดFixate แต่จะเกิด Regressionอย่างรุนแรง เมื่อเด็กไม่ได้เล่นอย่างเด็กหรือต้องรับผิดชอบอย่างผู้ใหญ่
ดาราเด็ก?ที่ขาดช่วงเวลาที่ได้เล่นอย่างเด็กไปจะเกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่

5 ขั้นสนใจเพศตรงข้าม เข้าสู่วัยรุ่น GENTAL STAGE  12ปีขึ้นไป
          เรียนรู้จะรักรักเพศตรงข้าม
          Fixate --- อาจมีเพศสัมพันธุ์ก่อนวัย เพราะเด็กชายจะพิสูจน์ความเป็นชายโดยการมีเพศสัมพันธุ์เพื่อความรู้สึกเป็นผู้ชนะ เวลามีเรื่องไม่สบายใจจะระบายออกโดยการมีเพศสัมพันธุ์

ทุกคนมีบาดแผลทางใจซึ่งเป็นเหตุนำไปสู่ความทุกข์ทรมานทั้งกายใจและสังคม
          ความคับข้องใจ เป็นพื้นฐานสำหรับพัฒนาการทางบุคลิกภาพ แต่ต้องมีจำนวนพอเหมาะ ถ้ามีความคับข้องใจมากเกินไป ก็จะเกิดมีปัญหา และทำให้เกิด กลไกในการป้องกันตัว (Defense Mechanism) ป้องกันEGO จากาการตำหนิของ นายID และนายSUPEREGO
เป็นวิธีการปรับตัวในระดับจิตไร้สำนึกกลไกในการป้องกันตัวมักจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่อนุบาลจนถึงวัยชรา
กลไกในการป้องกันตัว (Defense Mechanism)
1.     การเก็บกด (Repression) หมายถึง การเก็บกดความรู้สึกไม่สบายใจ หรือความรู้สึกผิดหวังไว้ในจิตใต้สำนึก
เก็บกดความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่ยอมรับไว้ในใจจน ลืม การทดแทนเปลี่ยนแรงผลักดันภายในจิตใจไปสู่การกระทำที่สังคมยอมรับ เก็บกดความต้องการจนลืมความรู้สึกนั้น เช่น คนที่ก้าวร้าวจะเลือกอาชีพเป็นนักมวย หรือศัลยแพทย์
Suppression การเก็บกด ระดับจิตสำนึก หรือการลืมบางสิ่งบางอย่างโดยเจตนา ตัวอย่างเช่น กังวลใจหลังสอบแล้วพยายามลืมไปก่อน
2.     การป้ายความผิดให้แก่ผู้อื่น (Projection) รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง หมายถึง การลดความวิตกกังวล โดยการป้ายความผิด ให้แก่ผู้อื่น
เช่น ฉันเกลียดอีผู้หญิงคนนั้น แต่รู้ว่ามันไม่ดี จึงโยนความผิดไปว่า ผู้หญิงคนนั้นเกลียดฉัน
Introjection คือ การนำเข้ามาสู่ตนเอง เป็นการโทษตัวเอง

3.  การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง (Rationalization) หมายถึง หาคำอธิบายที่เป็นที่ยอมรับสำหรับคนอื่น
เช่น พ่อแม่ที่ตีลูก มักจะบอกว่า การตีทำเพื่อเด็ก เพราะเด็กต้องได้รับการทำโทษเป็นบางครั้งจะได้เป็นคนดี พ่อแม่จะไม่ยอมรับว่าตี เพราะโกรธลูกจริงๆ บางครั้งจะใช้เหตุผลแบบ "องุ่นเปรี้ยว" กินไม่ได้ก็เลยบอกว่ามันไม่อร่อย
การหาเหตุผลเข้าข้างตนเอง" แตกต่างกับการโกหก เพราะผู้แสดงพฤติกรรมไม่รู้สึกว่าตนเองทำผิด
4. การติดค้าง (Fixate)
5. การถดถอย (Regression) หมายถึง การหนีกลับไปอยู่ในสภาพอดีต ที่เคยทำให้ตนมีความสุข
เช่น เด็ก 2-3 ขวบ ที่ช่วยตนเองได้ มีน้องใหม่ เห็นแม่ให้ความเอาใจใส่กับน้อง มีความรู้สึกว่าแม่ไม่สนใจตนเท่าที่เคย จะมีพฤติกรรมถดถอยไปอยู่ในวัยทารกที่ช่วยตนเองไม่ได้ ต้องให้แม่ทำให้ทุกอย่าง
เถียงสู้เพื่อนๆไม่ได้ เลยร้องไห้เหมือนเด็กๆ

6. การแยกตัว (Isolation) หมายถึง การแยกตนให้พ้นจากสถานการณ์ที่นำความคับข้องใจมาให้ อยู่คนเดี่ยวอยู่ลำพังหว่าเว้
ซึมเฉย (Apathy) แยกตัว ---เหมือน isolationไหม?

7.     การเลียนแบบ (Identification) หมายถึง การปรับตัวโดย
การเลียนแบบบุคคลที่ตนนิยมยกย่อง และมีความรู้สึกร่วมกับผู้ที่
เราเลียนแบบในความสำเร็จ หรือล้มเหลวของบุคคลนั้น การเลียน
แบบไม่จำเป็นจะต้องเลียนแบบจากบุคคลจริงๆ แต่อาจจะเลียนแบบ
จากตัวเอกในละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์
 Oedipus Complex//Electra Complex ก็เช่นกัน

8.     การแสดงปฏิกิริยาตรงข้ามกับความปรารถนาที่แท้จริง
(Reaction Formation) หมายถึง โดยการทุ่มเทในการแสดงพฤติกรรม
ตรงข้ามกับความรู้สึกของตัวเอง เพราะความรู้สึกของตัวเองเป็นสิ่งที่
สังคมอาจจะไม่ยอมรับ
เช่น แม่ที่ไม่รักลูกคนใดคนหนึ่ง อาจจะมีพฤติกรรมตรงข้าม โดยการ
แสดงความรักมากอย่างผิดปกติ


9.     การชดเชยปมด้อย(Compensation) หาสิ่งอื่นทดแทน
อาจชดเชยจุดอ่อนหรือปมด้อยของตัวเอง โดยหาจุดเด่นอื่นมาลบล้าง
เช่น ตาบอดพิการ..แต่ร้องเพลงเล่นดนตรีเก่ง  หน้าตาไม่หล่อ..แต่เรียนดี 
ยากจน..แต่ขยันขันแข็ง 
กลไกทางจิตชนิดนี้ถือว่าเป็นวิธีการปรับอารมณ์ทางบวกมากกว่าชนิดอื่นๆ

10. แสดงความเป็นผู้รู้(Intellectuation)เวลาอยู่ในสถานการณ์ขายหน้า
เราจะหาเหตุผลมาอ้างให้ตัวเองเสียหน้าน้อยลง

          11. การระงับยับยั้งอารมณ์(Emotional Insutation) ไม่หวังก็ไม่ผิดหวัง
แต่ทำให้ขาดกำลังใจ กดตัวเองให้ต่ำ ดูถูกตัวเอง?

           12. การแทนที่(Subtitution) หาสิ่งมาแทนที่สิ่งที่เราต้องการแต่ไม่มี
โดยเป็นสิ่งที่ไม่ได้เลวร้าย

          13. การตอบสนองทางอ้อม(Sublimation) หาสิ่งตอบสนองในด้านที่ดี
สังคมยอมรับ

          14. ไถ่บาป การปลดเปลื้อง(Undoing) เป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับแรงขับ
ที่ไม่ดีเพื่อลบล้างสิ่งเหล่านั้น สำนึกทำดีล้างบาป
ย้ำคิดย้ำทำ

          15. ละเลยไปเฉยๆ (Nomadism) เลิกรับรู้ไปเลย ตีมึน

          16. การทดแทน (Displacement) ระบายอารมณ์กับสิ่งอื่น แต่ไประบายกับสิ่งที่เป็นโทษ
ขาดความรักจากพ่อแม่ ไปหาความรักจากแฟน(ไม่มั่นคง) / ต่อยกำแพง?
เป็นการระบายอารมณ์โกรธ หรือคับข้องใจต่อคน หรือสิ่งของ ที่ไม่ได้เป็นต้นเหตุของความคับข้องใจ 
เช่น บุคคลที่ถูกนายข่มขู่ หรือทำให้คับข้องใจ เมื่อกลับมาบ้านอาจจะใช้ภรรยา หรือลูกๆ เป็นแพะรับบาป
 นักเรียนที่โกรธครู แต่ทำอะไรครูไม่ได้ ก็อาจจะเลือกสิ่งของ เช่น โต๊ะเก้าอี้เป็นสิ่งแทนที่ เตะโต๊ะ เก้าอี้
          17. การสร้างวิมานในอากาศ หรือการฝันกลางวัน (Fantasy หรือ Day dreaming) เป็นการสร้างจินตนาการ หรือมโนภาพ เกี่ยวกับสิ่งที่ตนมีความต้องการ แต่เป็นไปไม่ได้ เพื่อสนองความต้องการชั่วขณะหนึ่ง เป็นการหลบหนีจากโลกความเป็นจริงที่ไม่น่าอยู่

   18. การปฎิเสธไม่ยอมรับความจริง (Deniai

          19. Conversion คือการเปลี่ยนความขัดแย้งในจิตใจเกิดเป็นอาการทางกายเช่น ปวดหลัง ปวดท้อง เพื่อดึงความสนใจของจิตสำนึกไปสู่อาการทาง ร่างกายแทน
 


โดย เจลดา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น