“เมื่อทั้งชีวิตนายต้องใช้เวลาอยู่ในหลุม
ทางเดียวที่นายจะไปต่อได้คือปีนกลับขึ้นไป” คำคมจากวรรณกรรมเรื่องหลุม
โดย หลุยส์ ซาซาร์ คำคมนี้อาจจะตีความได้หลายความหมาย เช่นเรื่องการแก้ไขปมด้อย
หรือการเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ และนี่คืออีกหนึ่งการตีความ กล่าวคือการตกอยู่ใต้อำนาจของคนอื่นก็คือการถูกสั่งให้ขุดหลุมทุกวันๆ
อะไรที่จะทำให้คนเราสู้กับคำสั่งไร้เหตุผลเหล่านั้นได้ เงินทอง, ความน่าเกรงขาม ก็คงจะไม่ได้หาหรือสร้างขึ้นมาง่ายๆเพราะทั้งสองต่างอยู่ในตัวฝ่ายที่เหนือกว่าเราทั้งนั้น
แล้วถ้าเป็นความรู้ละ จะพอทำให้เราปืนออกจากหลุมนี้ได้ไหม
ค่ายกรีนแลคเป็นสถานที่สำหรับเด็กๆที่กระทำผิด
พวกเขาจะถูกส่งตัวมาเพื่อปรับความประพฤติ โดยการขุมหลุมวันละหนึ่งหลุมทุกๆวันกลางแดดร้อนของทะเลทราย
เฮกเตอร์ ซีโรนี เด็กชายผิวสีตัวเล็กสมาชิกของกลุ่มเด็กเต็นท์D
เขามีความสามารถเดียวคือการขุดหลุม เขาขุดได้รวดเร็วและขุดได้เรื่อยๆทุกวันโดยไม่บ่น
และเพราะเขาไม่ค่อยพูดทุกคนเลยคิดว่าเขาโง่และเรียกเขาว่า ซีโร
วันหนึ่ง สแตนเลย์ เยลแนตส์เด็กชายตัวอ้วนผู้ที่โดนคำสาปให้โชคร้ายมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ
ถูกส่งเข้ามายังค่ายนี้ ซีโรแอบดูสแตนเลย์เขียนจดหมายกลับไปหาที่บ้านของตัวเองหลายครั้ง
เขาซึ่งอ่านเขียนไม่ได้จึงขอร้องให้สแตนเลย์ช่วยสอนหนังสือ โดยแลกกับการที่เขาจะช่วยสแตนเลย์ขุดหลุม
เมื่อซีโรเริ่มรู้หนังสือ จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาต่อต้านการขุดหลุมและตัดสินใจเลิกขุดหลุม
ก่อนจะหนีออกจากค่าย สแตนเลย์ออกเดินทางตามเขาไป ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนและการหัดอ่านของซีโรก็ช่วยให้พวกเขารอดพ้นสถานการณ์มาได้
ทั้งสแตนเลย์ก็สามารถแก้คำสาปของตัวเองได้อีกด้วย
ต้นทุนชีวิตของซีโร
ก่อนหน้าจะได้เข้ามาอยู่ค่ายกรีนแลค เขาอาศัยอยู่กับแม่ และพวกเขาเป็นหัวขโมย จากข้อความที่ว่า
”แต่ก่อนเราเคยได้อะไรก็ตามที่เราอยากได้เสมอ...เราไม่เคยรู้ว่านั่นคือการลักขโมย...แต่แม่กับเราจะหยิบเฉพาะของที่พวกเราจำเป็นต้องใช้จริงๆ” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า218-219) และแม่ของซีโรก็เสียชีวิตลง
หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นเด็กจรจัด จากข้อความที่ว่า “เราไม่ได้ไปอยู่ที่ศูนย์บ้านพักคนจรจัดบ่อยเท่าไหร่...ยกเว้นวันทีอากาศเลวร้ายมากๆ
เราต้องหาใครสักคนให้ช่วยเป็นแม่ของเรา...ถ้าพวกเขารู้ว่าเราไม่มีแม่ละก็
เขาก็จะให้เราอยู่ในการดูแลของรัฐ” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์,
หน้า218) ซึ่งปัจจุบันซีโรก็อยู่ในการดูแลของรัฐและถูกส่งมายังค่ายแห่งนี้เพราะการลักขโมยของเขา
ตรงจุดนี้มีข้อความที่สะท้อนถึงการไม่ได้รับการศึกษาของ ซีโรจากข้อความที่ว่า
“เราไม่รู้ว่ามันเป็นรองเท้าของเขา มันอาจมีป้ายบอก แต่แหงล่ะ
เราอ่านหนังสือไม่ออก” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า219)
การถ่มน้ำลายลงหลุมของซีโร “เขาก้มดูหลุมที่เนี๊ยบกริบของเขา
ถ่มน้ำลายลงไปในหลุม” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า57) การถ่มน้ำลายเป็นการแสดงออกถึงการดูหมิ่น เหยียดหยาม
อาจสะท้อนได้ว่าสิ่งเดียวที่ซีโรสามรถจะอยู่เหนือกว่าได้คือหลุมที่เขาขุดเอง หรือ
การถ่มน้ำลายเป็นกริยาที่ไม่มีมารยาท
นั่นอาจแสดงให้เห็นถึงบุคคลิกของซีโรที่ไม่ได้รับการอบรม
แต่จะเห็นได้ว่าสแตนเลย์เองที่ได้รับการศึกษาก็ยังถ่มน้ำลายลงหลุมเช่นกันนั่นอาจเป็นเพราะเขาได้เห็นคนอื่นทำและแค่ทำตามเพื่ออยากเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเท่านั้น
ในค่ายกรีนแลคมีการแบ่งวรรณะอยู่
โดยเริ่มจาก ผู้คุม คุณท่าน คุณเพนดานซ์คี และเด็กๆ โดยแบ่งแยกจากอำนาจนั่นเอง อำนาจในที่นี้อาจหมายถึงเงินและความน่าเกรงขาม
ผู้คุมเป็นคนสร้างค่ายนึ้ขึ้นเพื่อขุดหาสมบัติบางอย่าง และเธอมียาทาเล็บพิเศษ “นี่เป็นยาทาเล็บรุ่นพิเศษของฉัน...แกอยากรู้ส่วนผมของมันไหม...พิษงูหางกระดิ่ง”(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า115)ซึ่งคุณท่านได้รับรู้ถึงพิษร้ายของยาทาเล็บขวดนี้แล้ว
หรือที่เด็กๆมักกลัวเพราะคิดว่าผู้คุมแอบเฝ้าดูพวกเขาอยู่ตลอด คุณท่านเองก็เคยแกล้งสแตนเลย์โดยการไม่เติมน้ำในกระติกให้กับเขา
แม้แต่คนที่ใกล้ชิดเด็กๆมากที่สุดอย่างคุณเพนดานซ์คีก็ยังเคยพูดจาไม่ดีกับเด็กๆ
แสดงออกถึงพฤติกรรมของคนที่อยู่สูงกว่าที่ปฎิบัติกับคนที่ต่ำกว่านั่นเอง
จากนั้นลำดับอำนาจที่ว่าก็ได้ส่งต่อมาเป็นทอดๆผ่านการสั่งการต่างๆ
และสุดท้ายคำสั่งก็ตกมาสู่ชนชั้นล่างสุด คือเด็กๆนั่นเอง
สำหรับเด็กๆกลุ่มเต็นท์Dพวกเขาเองก็แบ่งวรรณะกันและกันผ่านการต่อแถวเติมน้ำ
โดยเริ่มจาก เอกซเรย์ ซิกแซก แม็กเน็ต ซีโร และเด็กใหม่อย่างสแตนเลย์อยู่ท้ายสุด
เป็นการแบ่งเรียงจากคนที่สำคัญที่สุดไปสู่คนที่สำคัญน้อยที่สุด โดยต่อมาเมื่อสแตนเลย์ทำให้เอกซเรย์ได้หยุดพักจากการขุดหลุม1วัน เขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งจากท้ายสุดมาอยู่หน้าซีโร ซึ่งซีโรก็ยังอยู่ท้ายแถวต่อไป
ความคิดของซีโรก่อนที่สแตนเลย์จะสอนหนังสือให้กับเขา
คุณเพนดานซ์คีถามเขาว่าอยากทำอะไรต่อไปในชีวิตเมื่อได้ออกจากค่ายแห่งนี้
ซีโรตอบว่า “ผมอยากขุดหลุม” (หลุม, หลุยส์
ซาซาร์, หน้า80) ซึ่งนั่นสะท้อนว่าไม่มีความคิด,ฝันเป็นของตัวเองต่างจากคนอื่นๆในกลุ่ม
เขาไม่ได้เลือกหรือคิดถึงอนาคตข้างหน้า เพียงแค่ทำตามคำสั่งทุกๆวัน
สะท้อนถึงบทบาทของชนชั้นแรงงานนั่นเอง
เมื่อสแตนเลย์ได้เริ่มสอนซีโรหัดอ่านและสะกดคำ
สแตนเลย์ก็ได้รู้ว่าความจริงซีโรไม่ได้โง่ไปทุกเรื่อง อย่างเช่น เรื่องการคำนวนซีโรเก่งมาก
รวมทั้งยังเข้าใจสิ่งที่สแตนเลย์สอนอย่างรวดเร็ว
ซีโรได้บอกกับเขาว่า “เราไม่ได้โง่...เราแค่ไม่ชอบตอบคำถามของพวกนั้นเท่านั้นเอง” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า124)
ซึ่งมันแสดงออกถึงความฉลาด ที่จะไม่ไปต่อปากต่อคำกับคนที่ดูถูกเรา แต่การไม่มีปากมีเสียงก็เท่ากับการยอมตกอยู่ใต้อำนาจคนเหล่านั้นเช่นกัน
จากที่กล่าวมาแล้วว่าซีโรจะช่วยสแตนเลย์ขุดหลุมเป็นการตอบแทน
ทำให้เด็กคนอื่นๆในกลุ่มไม่พอใจและถากถางสแตนลย์ที่ไม่ยอมขุดหลุมเอง จากข้อความที่ว่า
“เด็กผิวขาวนั่งเฉยๆส่วนเด็กผิวดำเป็นคนทำงานทั้งหมด มันถูกต้องหรือเคฟแมน” “มีขี้ข้าส่วนตัวก็ดีเหมือนกันแฮะ”(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า146) และ “นายน่าจะพกแส้ไว้สักอันนะ ถ้าทาสของนายขุดไม่เร็วพอ
จะได้เอาไว้โบยหลังด้วยไง” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า161)ในคำพูดประชดประชันที่มีต่อสแตนเลย์ได้แสดงมุมมองที่คนอื่นมีต่อซีโรด้วย มันคือ
ทาส คนรับใช้ และเด็กผิวสี
เมื่อเกิดการทะเลาะวิวาทกันและทุกคนรู้ถึงข้อตกลงระหว่างซีโรและสแตนเลย์แล้ว
คุณเพนดานซ์คีได้พูดเหยียดหยามซีโรว่า”เขาน่ะโง่ดักดาน
โง่แล้วยังไม่รู้ตัวเองน่ะโง่”(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า166) และผู้คุมได้ประกาศว่า”...ไม่มีการเรียนการสอนอีกต่อไป” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า167) ถึงแม้สแตนเลย์จะได้พูดแย้งไปแล้วว่า
“มันไม่สำคัญกว่าหรือที่จะหัดให้ซีโรอ่านหนังสือออก” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า165)แต่ทุกคนก็โยนความผิดให้การสอนของเขา
ว่ามันทำให้ซีโรเครียดเกินไปเพราะต้องทั้งเรียนและขุดหลุมเพิ่มจึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทครั้งนี้
จากนั้นซีโรจึงได้พูดขึ้นว่า “ผมไม่ขุดหลุมอีกแล้ว...ผมเกลียดการขุดหลุม” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า167)ก่อนจะเดินจากค่ายกรีนเลคมา
ซึ่งนี้คือการต่อต้านการขุดหลุม และการเปิดผยความรู้สึก ความคิดครั้งแรกของซีโร
เหตุการณ์ทั้งหมดสะท้อนได้ว่า การศึกษา
ทำให้คนสามารถเปลี่ยนสถานะของตัวเองได้ เดิมซีโรไม่เคยคิดจะทำอย่างอื่นนอกจากขุดหลุม
แต่เมื่อเขาเริ่มอ่านได้เขาจึงไม่พอใจที่จะถูกใช้งานและเหยียมหยามว่าโง่
การที่ผู้คุมคิดว่าซีโรเครียดเกินไปจากการเรียนจนก่อเหตุทะเลาะเธอจึงสั่งห้ามสแตนเลย์สอนเขาอีก
ความจริงแล้วอาจมีความนัยแฝงว่า
การศึกษาทำให้คนที่อยู่ชั้นหนึ่งเกิดปัญญาและไม่อยากอยู่จุดนั้นอีกต่อไป
ต้องการจะพัฒนาขึ้น และความคิดแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการควบคุมของเธอนั่นเอง หรือ
ผู้ที่มีอำนาจหรือผู้นำจะควบคุมกลุ่มคนที่โง่ได้ง่ายกว่าคนที่มีความรู้นั่นเอง
หลังจากหนีออกจากค่าย
สแตนเลย์ก็ได้ตามซีโรไป พวกเขาทั้งคู่ต่างระหกระเหินพยายามเอาตัวรอดกลางทะเลทราย
ความฉลาดทางการคำนวนของซีโรก็เผยให้เห็นหลายครั้ง เช่นการคำนวนปริมาณหัวหอมที่พวกเขากินหรือการจำเส้นทางเดินกลับค่าย
เป็นต้น จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้กลับมาที่ค่าย พวกเขาหาสมบัติที่ผู้คุมต้องการเจอ เธอพยายามจะโกหกว่าสมบัติในกระเป๋าเป็นของเธอ
แต่เพราะตอนนี้ซีโรอ่านออกแล้วเขาจึงพบว่าบนกระเป๋ามีชื่อของแสตนเลย์อยู่(เป็นกระเป๋าของบรรพบุรุษสแตนเลย์)ทำให้ผู้คุมไม่อาจยึดกระเป๋าไปได้
เธอพูดอย่างตกใจว่า “แกแทบจะอ่านหนังสือไม่ออกนี่ ” (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า253)จากคำพูดของผู้คุม
ยิ่งตอกย้ำว่าเธอคิดว่าซีโรโง่แค่ไหน
และเมื่อเขาเกิดฉลาดขึ้นมาเพียงเล็กน้อยมันก็ทำให้เธอเดือดร้อนจริงๆ
เรื่องชีวิตของซีโรในวรรณกรรมเรื่องหลุมจึงได้สะท้อนถึงการแบ่งชนชั้นของคน
คนที่ถูกสังคมกดขี่ และเขาสามารถพัฒนาตัวเองเลื่อนขั้นตัวเองได้จากการได้รับศึกษานั่นเอง
ตัวละครซีโรหากสังเกตดีๆอาจเปรียบได้ว่าเขาเป็นหลุมของเรื่องนี้
เป็นเด็กผิวดำตัวเล็กที่ไม่ค่อยพูด และไม่มีใครสนใจ เป็นความว่างเปล่าของค่าย
เขาคือซีโรสมชื่อ แต่ในความไม่มีอะไรนั่นเขากลับมีสิ่งที่หลายๆคนไม่มี ความอดทน
ความฉลาด ความกล้าหาญ และเขามาไกลกว่าหลายๆตัวละคร
จากเด็กข้างถนนที่ไม่รู้หนังสือสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือขุดหลุม
จนอ่านออกและเลือกได้ว่าจะทำอะไรไม่ทำอะไร
การที่ซีโรพัฒนาตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนถมหลุมของตัวเองได้ เพราะเขาเป็นลูกหลานของคนที่สาปตระกลูของสแตนเลย์
ซีโรจึงเป็นเหมือนหลุมของสแตนเลย์ มิตรภาพที่พวกเขามีต่อกันก็ทำให้สแตนเลย์ถมหลุมของตัวจนเต็มและถอนคำสาปให้ตะกูลตัวเองสำเร็จ
ในขณะเดียวกันการสอนหนังสือจากสแตนเลย์ก็ช่วยให้ซีโรถมหลุมของตัวเองจนเต็ม
และออกจากค่ายนี้ได้เช่นกัน
โดย เจลดา
เราประทับใจจริงๆ ค่ะ เราเคยอ่านเล่มนี้ตอน ม.ต้น แต่ก็เบื่อซะก่อน เลยอ่านไม่จบ แล้วมันติดอยู่ในใจตลอด
ตอบลบถ้าเจ้าของบล็อกอยากขายต่อเล่มนี้ รบกวนคิดถึงเราด้วยนะคะ