วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

หลุม HOLES :ซีโรไม่ขุดหลุมอีกแล้ว



love, love, love  (plus, one time I got to meet Mr. Sachar and he was SOOOO nice, it made me like all his books even more!): (วิเคราะห์เรื่องการศึกษาและการแบ่งชนชั้น)

       เมื่อทั้งชีวิตนายต้องใช้เวลาอยู่ในหลุม ทางเดียวที่นายจะไปต่อได้คือปีนกลับขึ้นไป คำคมจากวรรณกรรมเรื่องหลุม โดย หลุยส์ ซาซาร์ คำคมนี้อาจจะตีความได้หลายความหมาย เช่นเรื่องการแก้ไขปมด้อย หรือการเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ และนี่คืออีกหนึ่งการตีความ กล่าวคือการตกอยู่ใต้อำนาจของคนอื่นก็คือการถูกสั่งให้ขุดหลุมทุกวันๆ อะไรที่จะทำให้คนเราสู้กับคำสั่งไร้เหตุผลเหล่านั้นได้ เงินทอง, ความน่าเกรงขาม ก็คงจะไม่ได้หาหรือสร้างขึ้นมาง่ายๆเพราะทั้งสองต่างอยู่ในตัวฝ่ายที่เหนือกว่าเราทั้งนั้น แล้วถ้าเป็นความรู้ละ จะพอทำให้เราปืนออกจากหลุมนี้ได้ไหม  

       ค่ายกรีนแลคเป็นสถานที่สำหรับเด็กๆที่กระทำผิด พวกเขาจะถูกส่งตัวมาเพื่อปรับความประพฤติ โดยการขุมหลุมวันละหนึ่งหลุมทุกๆวันกลางแดดร้อนของทะเลทราย เฮกเตอร์ ซีโรนี เด็กชายผิวสีตัวเล็กสมาชิกของกลุ่มเด็กเต็นท์D เขามีความสามารถเดียวคือการขุดหลุม เขาขุดได้รวดเร็วและขุดได้เรื่อยๆทุกวันโดยไม่บ่น และเพราะเขาไม่ค่อยพูดทุกคนเลยคิดว่าเขาโง่และเรียกเขาว่า ซีโร  
วันหนึ่ง สแตนเลย์ เยลแนตส์เด็กชายตัวอ้วนผู้ที่โดนคำสาปให้โชคร้ายมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ถูกส่งเข้ามายังค่ายนี้ ซีโรแอบดูสแตนเลย์เขียนจดหมายกลับไปหาที่บ้านของตัวเองหลายครั้ง เขาซึ่งอ่านเขียนไม่ได้จึงขอร้องให้สแตนเลย์ช่วยสอนหนังสือ โดยแลกกับการที่เขาจะช่วยสแตนเลย์ขุดหลุม
เมื่อซีโรเริ่มรู้หนังสือ จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาต่อต้านการขุดหลุมและตัดสินใจเลิกขุดหลุม ก่อนจะหนีออกจากค่าย สแตนเลย์ออกเดินทางตามเขาไป ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนและการหัดอ่านของซีโรก็ช่วยให้พวกเขารอดพ้นสถานการณ์มาได้ ทั้งสแตนเลย์ก็สามารถแก้คำสาปของตัวเองได้อีกด้วย
       ต้นทุนชีวิตของซีโร ก่อนหน้าจะได้เข้ามาอยู่ค่ายกรีนแลค เขาอาศัยอยู่กับแม่ และพวกเขาเป็นหัวขโมย จากข้อความที่ว่า แต่ก่อนเราเคยได้อะไรก็ตามที่เราอยากได้เสมอ...เราไม่เคยรู้ว่านั่นคือการลักขโมย...แต่แม่กับเราจะหยิบเฉพาะของที่พวกเราจำเป็นต้องใช้จริงๆ (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า218-219) และแม่ของซีโรก็เสียชีวิตลง หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นเด็กจรจัด จากข้อความที่ว่า เราไม่ได้ไปอยู่ที่ศูนย์บ้านพักคนจรจัดบ่อยเท่าไหร่...ยกเว้นวันทีอากาศเลวร้ายมากๆ เราต้องหาใครสักคนให้ช่วยเป็นแม่ของเรา...ถ้าพวกเขารู้ว่าเราไม่มีแม่ละก็ เขาก็จะให้เราอยู่ในการดูแลของรัฐ(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า218) ซึ่งปัจจุบันซีโรก็อยู่ในการดูแลของรัฐและถูกส่งมายังค่ายแห่งนี้เพราะการลักขโมยของเขา
ตรงจุดนี้มีข้อความที่สะท้อนถึงการไม่ได้รับการศึกษาของ ซีโรจากข้อความที่ว่า เราไม่รู้ว่ามันเป็นรองเท้าของเขา มันอาจมีป้ายบอก แต่แหงล่ะ เราอ่านหนังสือไม่ออก (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า219)
การถ่มน้ำลายลงหลุมของซีโร เขาก้มดูหลุมที่เนี๊ยบกริบของเขา ถ่มน้ำลายลงไปในหลุม (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า57) การถ่มน้ำลายเป็นการแสดงออกถึงการดูหมิ่น เหยียดหยาม อาจสะท้อนได้ว่าสิ่งเดียวที่ซีโรสามรถจะอยู่เหนือกว่าได้คือหลุมที่เขาขุดเอง หรือ การถ่มน้ำลายเป็นกริยาที่ไม่มีมารยาท นั่นอาจแสดงให้เห็นถึงบุคคลิกของซีโรที่ไม่ได้รับการอบรม แต่จะเห็นได้ว่าสแตนเลย์เองที่ได้รับการศึกษาก็ยังถ่มน้ำลายลงหลุมเช่นกันนั่นอาจเป็นเพราะเขาได้เห็นคนอื่นทำและแค่ทำตามเพื่ออยากเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเท่านั้น

       ในค่ายกรีนแลคมีการแบ่งวรรณะอยู่ โดยเริ่มจาก ผู้คุม คุณท่าน คุณเพนดานซ์คี และเด็กๆ โดยแบ่งแยกจากอำนาจนั่นเอง อำนาจในที่นี้อาจหมายถึงเงินและความน่าเกรงขาม ผู้คุมเป็นคนสร้างค่ายนึ้ขึ้นเพื่อขุดหาสมบัติบางอย่าง และเธอมียาทาเล็บพิเศษ นี่เป็นยาทาเล็บรุ่นพิเศษของฉัน...แกอยากรู้ส่วนผมของมันไหม...พิษงูหางกระดิ่ง(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า115)ซึ่งคุณท่านได้รับรู้ถึงพิษร้ายของยาทาเล็บขวดนี้แล้ว หรือที่เด็กๆมักกลัวเพราะคิดว่าผู้คุมแอบเฝ้าดูพวกเขาอยู่ตลอด คุณท่านเองก็เคยแกล้งสแตนเลย์โดยการไม่เติมน้ำในกระติกให้กับเขา แม้แต่คนที่ใกล้ชิดเด็กๆมากที่สุดอย่างคุณเพนดานซ์คีก็ยังเคยพูดจาไม่ดีกับเด็กๆ แสดงออกถึงพฤติกรรมของคนที่อยู่สูงกว่าที่ปฎิบัติกับคนที่ต่ำกว่านั่นเอง  
จากนั้นลำดับอำนาจที่ว่าก็ได้ส่งต่อมาเป็นทอดๆผ่านการสั่งการต่างๆ และสุดท้ายคำสั่งก็ตกมาสู่ชนชั้นล่างสุด คือเด็กๆนั่นเอง  
สำหรับเด็กๆกลุ่มเต็นท์Dพวกเขาเองก็แบ่งวรรณะกันและกันผ่านการต่อแถวเติมน้ำ โดยเริ่มจาก เอกซเรย์ ซิกแซก แม็กเน็ต ซีโร และเด็กใหม่อย่างสแตนเลย์อยู่ท้ายสุด เป็นการแบ่งเรียงจากคนที่สำคัญที่สุดไปสู่คนที่สำคัญน้อยที่สุด โดยต่อมาเมื่อสแตนเลย์ทำให้เอกซเรย์ได้หยุดพักจากการขุดหลุม1วัน เขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งจากท้ายสุดมาอยู่หน้าซีโร ซึ่งซีโรก็ยังอยู่ท้ายแถวต่อไป
       ความคิดของซีโรก่อนที่สแตนเลย์จะสอนหนังสือให้กับเขา คุณเพนดานซ์คีถามเขาว่าอยากทำอะไรต่อไปในชีวิตเมื่อได้ออกจากค่ายแห่งนี้ ซีโรตอบว่า ผมอยากขุดหลุม (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า80) ซึ่งนั่นสะท้อนว่าไม่มีความคิด,ฝันเป็นของตัวเองต่างจากคนอื่นๆในกลุ่ม เขาไม่ได้เลือกหรือคิดถึงอนาคตข้างหน้า เพียงแค่ทำตามคำสั่งทุกๆวัน สะท้อนถึงบทบาทของชนชั้นแรงงานนั่นเอง 

เมื่อสแตนเลย์ได้เริ่มสอนซีโรหัดอ่านและสะกดคำ สแตนเลย์ก็ได้รู้ว่าความจริงซีโรไม่ได้โง่ไปทุกเรื่อง อย่างเช่น เรื่องการคำนวนซีโรเก่งมาก รวมทั้งยังเข้าใจสิ่งที่สแตนเลย์สอนอย่างรวดเร็ว
ซีโรได้บอกกับเขาว่า เราไม่ได้โง่...เราแค่ไม่ชอบตอบคำถามของพวกนั้นเท่านั้นเอง (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า124) ซึ่งมันแสดงออกถึงความฉลาด ที่จะไม่ไปต่อปากต่อคำกับคนที่ดูถูกเรา แต่การไม่มีปากมีเสียงก็เท่ากับการยอมตกอยู่ใต้อำนาจคนเหล่านั้นเช่นกัน
จากที่กล่าวมาแล้วว่าซีโรจะช่วยสแตนเลย์ขุดหลุมเป็นการตอบแทน ทำให้เด็กคนอื่นๆในกลุ่มไม่พอใจและถากถางสแตนลย์ที่ไม่ยอมขุดหลุมเอง จากข้อความที่ว่า เด็กผิวขาวนั่งเฉยๆส่วนเด็กผิวดำเป็นคนทำงานทั้งหมด มันถูกต้องหรือเคฟแมน มีขี้ข้าส่วนตัวก็ดีเหมือนกันแฮะ(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า146) และ นายน่าจะพกแส้ไว้สักอันนะ ถ้าทาสของนายขุดไม่เร็วพอ จะได้เอาไว้โบยหลังด้วยไง (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า161)ในคำพูดประชดประชันที่มีต่อสแตนเลย์ได้แสดงมุมมองที่คนอื่นมีต่อซีโรด้วย มันคือ ทาส คนรับใช้ และเด็กผิวสี
เมื่อเกิดการทะเลาะวิวาทกันและทุกคนรู้ถึงข้อตกลงระหว่างซีโรและสแตนเลย์แล้ว คุณเพนดานซ์คีได้พูดเหยียดหยามซีโรว่าเขาน่ะโง่ดักดาน โง่แล้วยังไม่รู้ตัวเองน่ะโง่(หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า166) และผู้คุมได้ประกาศว่า...ไม่มีการเรียนการสอนอีกต่อไป (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า167) ถึงแม้สแตนเลย์จะได้พูดแย้งไปแล้วว่ามันไม่สำคัญกว่าหรือที่จะหัดให้ซีโรอ่านหนังสือออก (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า165)แต่ทุกคนก็โยนความผิดให้การสอนของเขา ว่ามันทำให้ซีโรเครียดเกินไปเพราะต้องทั้งเรียนและขุดหลุมเพิ่มจึงทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทครั้งนี้
จากนั้นซีโรจึงได้พูดขึ้นว่า ผมไม่ขุดหลุมอีกแล้ว...ผมเกลียดการขุดหลุม (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า167)ก่อนจะเดินจากค่ายกรีนเลคมา ซึ่งนี้คือการต่อต้านการขุดหลุม และการเปิดผยความรู้สึก ความคิดครั้งแรกของซีโร
เหตุการณ์ทั้งหมดสะท้อนได้ว่า การศึกษา ทำให้คนสามารถเปลี่ยนสถานะของตัวเองได้ เดิมซีโรไม่เคยคิดจะทำอย่างอื่นนอกจากขุดหลุม แต่เมื่อเขาเริ่มอ่านได้เขาจึงไม่พอใจที่จะถูกใช้งานและเหยียมหยามว่าโง่ การที่ผู้คุมคิดว่าซีโรเครียดเกินไปจากการเรียนจนก่อเหตุทะเลาะเธอจึงสั่งห้ามสแตนเลย์สอนเขาอีก ความจริงแล้วอาจมีความนัยแฝงว่า การศึกษาทำให้คนที่อยู่ชั้นหนึ่งเกิดปัญญาและไม่อยากอยู่จุดนั้นอีกต่อไป ต้องการจะพัฒนาขึ้น และความคิดแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการควบคุมของเธอนั่นเอง หรือ ผู้ที่มีอำนาจหรือผู้นำจะควบคุมกลุ่มคนที่โง่ได้ง่ายกว่าคนที่มีความรู้นั่นเอง
       หลังจากหนีออกจากค่าย สแตนเลย์ก็ได้ตามซีโรไป พวกเขาทั้งคู่ต่างระหกระเหินพยายามเอาตัวรอดกลางทะเลทราย ความฉลาดทางการคำนวนของซีโรก็เผยให้เห็นหลายครั้ง เช่นการคำนวนปริมาณหัวหอมที่พวกเขากินหรือการจำเส้นทางเดินกลับค่าย เป็นต้น จนสุดท้ายพวกเขาก็ได้กลับมาที่ค่าย พวกเขาหาสมบัติที่ผู้คุมต้องการเจอ เธอพยายามจะโกหกว่าสมบัติในกระเป๋าเป็นของเธอ แต่เพราะตอนนี้ซีโรอ่านออกแล้วเขาจึงพบว่าบนกระเป๋ามีชื่อของแสตนเลย์อยู่(เป็นกระเป๋าของบรรพบุรุษสแตนเลย์)ทำให้ผู้คุมไม่อาจยึดกระเป๋าไปได้ เธอพูดอย่างตกใจว่าแกแทบจะอ่านหนังสือไม่ออกนี่ (หลุม, หลุยส์ ซาซาร์, หน้า253)จากคำพูดของผู้คุม ยิ่งตอกย้ำว่าเธอคิดว่าซีโรโง่แค่ไหน และเมื่อเขาเกิดฉลาดขึ้นมาเพียงเล็กน้อยมันก็ทำให้เธอเดือดร้อนจริงๆ
       เรื่องชีวิตของซีโรในวรรณกรรมเรื่องหลุมจึงได้สะท้อนถึงการแบ่งชนชั้นของคน คนที่ถูกสังคมกดขี่ และเขาสามารถพัฒนาตัวเองเลื่อนขั้นตัวเองได้จากการได้รับศึกษานั่นเอง

       ตัวละครซีโรหากสังเกตดีๆอาจเปรียบได้ว่าเขาเป็นหลุมของเรื่องนี้ เป็นเด็กผิวดำตัวเล็กที่ไม่ค่อยพูด และไม่มีใครสนใจ เป็นความว่างเปล่าของค่าย เขาคือซีโรสมชื่อ แต่ในความไม่มีอะไรนั่นเขากลับมีสิ่งที่หลายๆคนไม่มี ความอดทน ความฉลาด ความกล้าหาญ และเขามาไกลกว่าหลายๆตัวละคร จากเด็กข้างถนนที่ไม่รู้หนังสือสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือขุดหลุม จนอ่านออกและเลือกได้ว่าจะทำอะไรไม่ทำอะไร การที่ซีโรพัฒนาตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทุกคนถมหลุมของตัวเองได้ เพราะเขาเป็นลูกหลานของคนที่สาปตระกลูของสแตนเลย์ ซีโรจึงเป็นเหมือนหลุมของสแตนเลย์ มิตรภาพที่พวกเขามีต่อกันก็ทำให้สแตนเลย์ถมหลุมของตัวจนเต็มและถอนคำสาปให้ตะกูลตัวเองสำเร็จ ในขณะเดียวกันการสอนหนังสือจากสแตนเลย์ก็ช่วยให้ซีโรถมหลุมของตัวเองจนเต็ม และออกจากค่ายนี้ได้เช่นกัน
โดย เจลดา

1 ความคิดเห็น:

  1. เราประทับใจจริงๆ ค่ะ เราเคยอ่านเล่มนี้ตอน ม.ต้น แต่ก็เบื่อซะก่อน เลยอ่านไม่จบ แล้วมันติดอยู่ในใจตลอด
    ถ้าเจ้าของบล็อกอยากขายต่อเล่มนี้ รบกวนคิดถึงเราด้วยนะคะ

    ตอบลบ