ความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นเด็กใน “ความลับของเลนเชน”
ในหนังสือวรรณกรรมสำหรับเด็ก ประเด็นที่ขาดไปไม่ได้เลยในแทบทุกเรื่อง
คงหนีไม่พ้นประเด็น “ความเป็นผู้ใหญ่และความเป็นเด็ก”ในวรรณกรรมเรื่องนั้นๆนั่นเอง เพราะผู้ใหญ่และเด็กต่างมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก(ครอบครัว)
แต่ผู้ใหญ่และเด็กกลับมีมุมมองต่อโลกที่ไม่เหมือนกัน เสมือนพวกเขาอยู่โลกคนละใบ
ดังนั้นเมื่อโลกสองใบที่แตกต่างกัน ต้องมาอยู่ด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นก็ทำให้เรื่องธรรมดาๆเกิดเป็นประเด็นที่น่าสนใจขึ้นมาได้และในเรื่อง
“ความลับของเลนเชน” เองก็เช่นกัน
ความลับของเลนเชน
คือเรื่องราวของเลนเชนเด็กผู้หญิงที่มักถูกพ่อแม่ขัดใจไปซะทุกเรื่อง เธอจึงตัดสินใจไปหาแม่มดฟรานซิสกาเพื่อแก้ไขปัญหานี้
แม่มดให้น้ำตาลวิเศษเธอสองก้อน เมื่อพ่อแม่ของเธอกินน้ำตาลเข้าไปพวกเขาจะตัวเล็กลงครึ่งหนึ่งทุกครั้งที่ขัดใจเธอ
ในตอนแรกเลนเชนก็รู้สึกสนุก แต่เมื่อนานวันเข้าเธอก็พบความจริงว่าเธอไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้
เธอจึงกลับไปหาแม่มดเพื่อถอนคำสาป แต่วิธีถอนคำสาปกลับทำให้เธอต้องตกเป็นคนที่โดนสาปซะเอง
เมื่อไม่อยากตัวเล็กลงครึ่งหนึ่งเธอจึงกลายเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย จนพ่อแม่เริ่มกังวลว่าเธอสูญเสียความเป็นตัวเองไป
ในที่สุดเธอจึงเล่าความลับเรื่องแม่มดและน้ำตาลวิเศษให้พ่อและแม่ฟัง และสุดท้ายพวกเขาก็หาทางออกของปัญหานี้ได้
อุปนิสัยตัวละครผู้ใหญ่
พ่อ และ แม่
1.
มีเหตุผล
ทราบได้จากบทสนทนาระหว่างเลนเชนกับพ่อแม่
“พ่อขอสักห้ามาร์กสิ หนูจะเอาไปกินไอติมให้จุใจเลย!” “พอได้แล้วลูกกินไอติมมากๆเดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”
“แม่คะ ขัดรองเท้าให้หนูหน่อยสิ” “ทำเองสิจ๊ะ
ลูกน่ะโตพอที่จะทำอะไรๆได้เองแล้ว”
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล
เอ็นเด้, หน้า56)
จากข้อความข้างต้น
ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มีเหตุผลที่ไม่ทำตามใจเลนเชนทั้งคู่ซึ่งล้วนเป็นเหตุผลที่สมควรและหวังดี
2.
รักลูก
ทราบได้จากในตอนที่ทั้งพ่อและแม่ตัวเล็กลงทั้งยังหวาดกลัวเลนเชนซึ่งกลายเป็นว่าตัวใหญ่กว่า
แต่เมื่อเธอได้รับบาดเจ็บก็ทนฟังลูกร้องไม่ได้
รีบออกมาช่วยทำแผลทันทีแม้จะทำด้วยความยากลำบาก
3.
สุขุมใจเย็น เห็นได้ชัดในตัวคุณพ่อ
ทราบได้จากตอนที่ตัวเองตัวเล็กลง
และภรรยาตัวเล็กลงเขาก็มีสติและพยายามคิดหาทางแก้ไข
รวมถึงเมื่อเลนเชนเล่าความลับทั้งหมดให้ฟัง พ่อก็ขบคิดจนรู้ได้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
อุปนิสัยตัวละครผู้ใหญ่แม่มดฟรานซิสกา
1.
เจ้าเล่ห์
ทราบได้จาก หลังจากคุยกับเลนเชนและได้มอบน้ำตาลวิเศษให้เธอ แม่มดก็เอ่ยขึ้นว่า”หวังว่าคงได้พบกันอีก” (ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า63)พร้อมยิ้มอย่างมีเลศนัย
ราวกับว่าเธอก็รู้อยู่แล้วว่าเลนเชนจะต้องได้รับบทเรียนและกลับมาหาเธอ
อุปนิสัยตัวละครเด็ก
เฮเลนา หรือ เลนเชน
1.
เอาแต่ใจ ทราบได้จากบทบรรยายในช่วงแรกที่ว่า
“ปกติแล้วเธอเป็นเด็กที่น่ารัก
หรืออย่างน้อยก็ตราบเท่าที่พ่อแม่ของเธอทำตัวมีเหตุผลและ ‘ยอมทำตามที่เธอต้องการ’
” และ คำพูดของเลนเชนตอนที่พบกับแม่มด “พวกเขาไม่เคยยอมทำอย่างที่หนูต้องการเลย” หรือคำพูดของเลนเชนเมื่อพ่อแม่ตัวเล็กลงแล้ว “นี่แหละคือผลของการที่พ่อแม่ไม่เชื่อฟังหนู
ทางที่ดีหนูว่าพ่อกับแม่ควรจะเลิกขัดใจหนูได้แล้ว” ความเอาแต่ใจของเธอเองก็เป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวทั้งหมดขึ้นด้วย
2.
มีความกล้า
ทราบได้จากการที่เลนเชนเดินออกไปตามหาแม่มดด้วยตัวคนเดียว ถามทางตำรวจ ฝ่าฝน และออกเดินทางไปหาแม่มดเพื่อถอนคำสาปด้วยตัวคนเดียว
3.
รักครอบครัว
(พ่อและแม่) ทราบได้จาก
ถึงแม้เธอจะต้องเป็นคนโดนคำสาปในเองเธอก็ยอมเพื่อให้พ่อแม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
เมื่อพ่อแม่กลายเป็นปัญหา สามารถกล่าวได้เลยว่าความลับของเลนเชน” เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก
“พวกเขามีจำนวนมากกว่าหนู”
“พ่อแม่มักจะเออออกันอยู่สองคน”
“แถมสองคนนั้นยังตัวใหญ่กว่าหนูอีก”
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล
เอ็นเด้, หน้า62)
“ความลับของเลนเชน” เล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของเด็กซึ่งก็คือเลนเชน ดังนั้นจากคำพูดข้างต้นทำให้ทราบได้ถึงมุมมองของเด็กที่รู้สึกว่าตัวเองถูกกด
ถูกรุม โดยพ่อแม่ที่ทั้งมีจำนวนมากกว่าและมักจะคิดเหมือนกันเสมอ แถมตัวใหญ่กว่าอีก
เท่ากับว่าพวกเขามีอำนาจเหนือเด็กนั่นเอง เมื่อรวมเข้ากับความไม่ประสาของเด็กที่ไม่สามารถแยกแยะความหวังดีของผู้ใหญ่ได้
ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้นนั่นเอง เป็นที่มาให้เลนเชนเลือกแก้ปัญหาแบบเด็กๆ
คือ หาแม่มดสักคนมาช่วยเธอ
“ฉันจะมอบน้ำตาลวิเศษให้เธอสองก้อน...และเมื่อใดที่พวกเขาขัดใจเธอ
พวกเขาจะตัวเล็กลงครึ่งหนึ่งทุกครั้ง”
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า63)
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า63)
ข้อความข้างต้นเป็นประโยคสำคัญของเรื่อง
ในเมื่อเด็กมักไม่เคยโทษว่าปัญหาที่เกิดตัวก็มีส่วนผิดอยู่แล้วและเลนเชนก็เป็นหนึ่งในนั้น
แม่มดจึงมอบของวิเศษ(คำสาป)ที่จะช่วยแก้ปัญหาของเธอให้
น้ำตาลสองก้อนนั้นทำให้พ่อแม่ตัวหดเล็กลง
และเกิดการสลับบทบาทระหว่างผู้ใหญ่และเด็ก ทำให้เลนเชนรู้สึกมีอำนาจ เช่นสั่งให้พ่อแม่มาดูการ์ตูนกับเธอ
สั่งให้พวกเขาเข้านอนในรถตุ๊กตา เป็รต้น และทำให้พ่อแม่รู้สึกหวาดกลัวเลนเชนทราบได้จากเหตุการณ์ที่พ่อแม่พยายามซ่อนตัวจากเธอ
ดังข้อความต่อไปนี้
“ออกมาเดี๋ยวนี่นะ!”เธอสั่งเสียงลั่น “พ่อกับแม่กลัวลูก
พ่อกับแม่จะไม่ออกไปเด็ดขาด”
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า74)
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนเรื่องมุมมองของคนที่ตัวเล็กกว่า
หรือมุมมองของเด็กๆที่มีต่อผู้ใหญ่นั่นเอง
เมื่อพ่อแม่ตัวเล็กลงก็ทำให้เลนเชนเริ่มรู้ว่าเธอไม่สามารถใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเอง
เลนเชนนอนร้องไห้เพราะกลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าฝ่า,เปิดฝาปลากระป๋องเองก็ทำไม่ได้จนโดนบาด,
เธอออกจากบ้านโดยไม่ปิดประตูบ้าน และพอไม่ลืมปิดก็รีบออกไปเล่นจนลืมเอากุญแจไปด้วยทำให้เข้าบ้านไม่ได้
และไม่มีเงินซื้ออาหาร พอสนุกก็ลืมเรื่องพ่อแม่แต่พอกลับมาบ้านก็มานึกกังวล
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเธอยังเด็กอยู่นั่นเอง
เธอเริ่มกลัวถ้าจะสูญเสียพ่อกับแม่ไปเธอจึงกลับไปหาแม่มดอีกครั้ง การแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย
เลนเชนก็ต้องทนลำบากหน่อยเพื่อแก้ไขสิ่งที่เธอทำผิด สังเกตได้จากการเดินทางไปหาแม่มดก่อนและหลังเกิดเรื่อง
ครั้งแรกเมื่อเธอเปิดประตูบ้านของแม่มด เบื้องหน้าคือทะเลสีฟ้าสดใส
เธอขึ้นเรือและเรือก็แล่นไปโดยไม่ต้องออกแรงพายสักนิด
แต่เมื่อเธอกลับไปครั้งที่สอง หลังประตูกลับเป็นพื้นน้ำแข็งเย็นยะเยือก ระยะทางก็ไกลมากเธอต้องเดินด้วยความระวังที่ละก้าวๆอย่างยากลำบาก
และการถอนคำสาปนี้ กลับเป็นบ่วงรัดคอตัวเธอเองเพราะเธอต้องกินน้ำตาลพวกนั้นแทนพ่อกับแม่
ทำให้ต่อจากนี้เธอจะดื้อกับพ่อแม่ไม่ได้อีก
“เด็กทั่วๆไปต้องมีดื้อบ้างเป็นบางครั้ง
นี่ลูกไม่มีความเป็นตัวของตัวเองแล้วหรอ”
“พ่อแม่อยากให้ลูกดื้อบ้าง
อยากให้เถียงพ่อแม่บ้าง...”
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า96)
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า96)
มาถึงจุดที่เลนเชนทำตัวเป็นเด็กดีมากเพราะเธอไม่อยากตัวเล็กลงครึ่งหนึ่ง
จนพ่อกับแม่กังวลว่าลูกสาวจะเสียความเป็นตัวของตัวเองไป จากข้อความข้างต้นทำให้ทราบได้ว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ต้องการให้เด็กทำตามไปทุกเรื่องเหมือนหุ่นยนต์
และก็ยอมรับได้ถ้าเด็กจะเถียงบ้างเพราะมันคือธรรมชาติของเด็ก
ในที่สุดเลนเชนก็ยอมเล่าความลับเรื่องแม่มดและน้ำตาล
พ่อและแม่ต่างเห็นใจเธอมาก ต่อมาพ่อก็คิดได้ว่าป่านนี้น้ำตาลคงจะย่อยไปไม่เหลือในตัวเลนเชนแล้ว
ฉะนั้นเลนเชนก็น่าจะดื้อกับพ่อแม่ได้บ้างแล้ว
จากเหตุการณ์ทั้งหมดเลนเชนก็ได้รับบทเรียนครั้งใหญ่
แม้น้ำตาลสองก้อนนั้น
และแม่มดจะนำปัญหามากมายมาให้ครอบครัวของเลนเชน แต่มองอีกมุมมันก็ช่วยแก้ปัญหาของเธอได้จริงๆ
เพราะทั้งสามคนปฎิบัติต่อกันดีขึ้น ทราบได้จากข้อความต่อไปนี้
“เลนเชนจะพูดแย้งพ่อกับแม่ของเธอแต่เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น
ไม่ใช่พร่ำเพรื่อเหมือนแต่ก่อน พ่อแม่เองก็ปฏิบัติแบบเดียวกันกับเลนเชน”
(ความลับของเลนเชน, มิฆาเอ็ล เอ็นเด้, หน้า98)
เพราะมุมมองที่ต่างกันจึงทำให้ผู้ใหญ่และเด็กเกิดความขัดแย้งด้วยกันเป็นเรื่องปกติเพราะต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง
แต่การที่เราขัดแย้งกันครั้งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องขัดแย้งกันตลอดไปในทุกๆเรื่อง
เพียงแค่แย้งในเวลาที่จำเป็นจริงๆก็พอ เหมือนอย่างที่ครอบครัวเลนเชนทำ เพราะสุดท้ายเด็กก็ต้องการผู้ใหญ่
ต่างฝ่ายต่างต้องมีความสัมพันธ์ต่อกัน ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาก็คือการปรับตัวเข้าหากันนั่นเอง
โดย เจลดา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น