ขออนุญาตคุณคิม สามี(ในฝัน)ลงเรื่องเรียนใน
บล๊อกนะคะ
1.กระต่ายขาว
ผู้พกนาฬิกาติดตัวและรีบเร่งอยู่ตลอดเวลาและพูดว่า “ตายจริง! ตายจริง! ฉันไปสายแน่ๆ!”(อลิซ
ผจญภัยในแดนมหัศจรรย์,คาร์รอล,ระวี ภาวิไล, หน้า21) หรือ
“ตายจริง แย่แล้ว สายเหลือเกิน” (เรื่องเดิม,ระวี
ภาวิไล, หน้า24)
เคยเห็นพวกผู้ใหญ่ที่ติดมองนาฬิกาตลอดเวลาไหม ข้อมือไม่เคยว่าง...
กระต่ายขาวก็เปรียบได้กับพวกผู้ใหญ่ที่ชีวิตยึดติดกับเวลา จึงชอบมองนาฬิกาอยู่บ่อยๆและชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ และเพราะเป็นคนเร่งรีบอยู่ตลอดจึงทำให้มักลืมสิ่งของต่างๆ เช่น ลืมพัดกับถุงมือ
อลิซตามกระ่ายขาวไป และตกลงไปในโพรงของมัน...
การตกลงไปในโพรงกระต่ายอาจแทนการลงไปสำรวจจิตใต้สำนึกของอลิซเองเพื่อเตรียมความพร้อมที่จะโตขึ้น โพรงกระต่ายเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ของอลิซ ก็เหมือนจิตใจของคนเราที่เป็นจุดเริ่มต้นความคิดและการกระทำ
2.เจ้าโดโด(นก) มันได้พูดกับอลิซไว้ว่า”ฉันเกิดก่อนเธอ ฉันต้องรู้ดีกว่าเธอ”(อลิซ
ผจญภัยในแดนมหัศจรรย์,คาร์รอล,ระวี ภาวิไล, หน้า38) เป็นการล้อเลียนนิสัยของผู้ใหญ่ที่มักคิดตัวเองรู้ดีกว่าเสมอเพียงเพราะเกิดมาก่อน
และไม่ยอมฟังความคิดของเด็ก
เจ้าโดโดแท้ที่จริงแล้วไม่ได้น่าเชื่อถือเลย
มันมักจะทำอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าด้วยซ้ำ อย่างในตอนที่การแข่งขันคอคัส(การแข่งขั้นวิ่งไร้ทิศทางเพื่อให้ร่างกายที่เปียกน้ำแห้ง)สิ้นสุดลง
เจ้าโดโดก็ตัดสินให้ทุกคนชนะทั้งๆที่การแข่งขั้นคอคัสไม่ควรเรียกว่าการแข่งขั้นด้วยซ้ำและเจ้าโดโดก็ชี้นิ้วมาที่อลิซให้เธอเป็นคนมอบรางวัลแกทุกคน[ซะยังงั้นน่ะ อลิซก็บ้าจี้ตามรีบหาของที่นำติดตัวมาด้วย]
โชคดีที่เธอมีถุงลูกกวาดเธอเลยมอบลูกกวาดเป็นรางวัลแก่นกทุกตัวและเมื่อลูกกวาดหมดมีไม่พอให้รางวัลแก่ตัวอลิซเองเจ้าโดโดก็ขอปลอกนิ้วของเธอมาเป็นรางวัลที่มันจะมอบให้เธออีกครั้ง[ขอของอลิซเพื่อมามอบให้อลิซอีกรอบ โอ้ พระเจ้ามันใช่เรื่องไหมคะ]
ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำล้วนแล้วแต่ทำตามใจตัวเอง
จะตัดสินยังไงก็ได้คำพูดของมันมีน้ำหนักเสมอ[เพราะมันเป็นนกแก่] เหมือนผู้ใหญ่ที่ทำอะไรตามใจตัวเองได้ถึงจะเป็นเรื่องที่ดูไม่เข้าท่าแต่เด็กก็ต้องทำตาม
3.หนอนผีเสื้อผู้สูบมอระกู่ มันมักจะพูดกับอลิซด้วยคำหวนๆหยบกระด้าง
ท่าทางเนิบๆง่วงๆจนทำให้อลิซหงุดหงิด ตอนที่อลิซเดินกำลังหันหลังกลับจากเจ้าหนอน
เจ้าหนอนก็บอกให้อลิซหัดกลั้นโมโหไว้บ้าง
ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็นการสอนให้เด็กๆควบคุมอารมณ์
ดังที่จะเห็นจากข้อความต่อไปนี่ “ข้างหนึ่งทำให้เจ้าสูงขึ้น
อีกข้างหนึ่งทำให้เจ้าเตี้ยลง”
”ข้างหนึ่งของอะไร
อีกข้างหนึ่งของอะไร”อลิซถามตัวเองในใจ ”เห็ดไงล่ะ” เจ้าหนอนตอบ” (อลิซ
ผจญภัยในแดนมหัศจรรย์,คาร์รอล,ระวี ภาวิไล, หน้า65)
เจ้าหนอนผีเสื้อได้ช่วยบอกวิธีที่จะเปลี่ยนแปลงขนาดของร่างกายอลิซตามที่เธอต้องการ
แต่อลิซก็ต้องพินิจพิเคราะห์เอาเองว่าเธอควรจะกินข้างไหน
ทำให้อลิซเกิดการแก้ไขปัญหาขึ้นเมื่อไม่รู้ว่าข้างหนึ่งของเห็ดและอีกข้างหนึ่งคือตรงไหนเธอจึงโอบมือไปรอบๆเห็ดแล้วบิเนื้อเห็ดทั้งสองเก็บไว้ในกระเป๋า
4.คุณนาย เจ้าของบ้านที่อลิซพยายามจะเข้าไปแต่พบกับ"มหาดเล็กหัวผู้มีหัวเป็นปลา"ก่อนที่หน้าบ้าน คุณนายมีแมวหนึ่งตัว(แมวเซไซร์)แล้วอุ้ม"เด็กทารก"น้อยหนึ่งคน เด็กน้อยร้องไห้เสียงดังมาก แหกปากตลอดเวา คุณนายเรียกทารกน้อยว่า หมู และคุณนายมี"คนใช้"อยู่หนึ่งคนหล่อนโปรดปรานพริกไทยมากและอารมณ์ฉุนเฉียวตลอดเวลา
คุณนายยกเด็กให้อลิซเพื่อรีบแต่งตัวไปเล่นโครเกตกับพระราชินี
ตอนที่อลิซอุ้มเด็กทารกออกมาจากบ้านคุณนาย
เธอคิดว่าหากปล่อยเด็กไว้ไม่นานเด็กต้องตายแน่ๆ และเมื่อเด็กร้องไห้
เธอก็บอกกับเด็กว่า “อย่าร้องนะ” อลิซพูด “นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกที่จะพูดจากัน” (อลิซ ผจญภัยในแดนมหัศจรรย์,คาร์รอล,ระวี ภาวิไล, หน้า73) เมื่ออลิซต้องดูแลทารกซึ่งเด็กกว่าก็ทำให้เธอมีความรับผิดชอบและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
แต่สุดท้ายแล้วเจ้าเด็กทารกกลับกลายเป็นหมูไป เธอจึงต้องปล่อยมันไป
หลังจากเกมโครเกตอลิซได้พบคุณนายอีกครั้ง
มีหนึ่งประโยคที่คุณนายพูดแล้วดิฉันชอบ คือ “ทุกสิ่งทุกอย่างมีภาษิตของมันเพียงแต่ว่าเจ้าจะหามันเจอไหมเท่านั้น”
” (อลิซ ผจญภัยในแดนมหัศจรรย์,คาร์รอล,ระวี ภาวิไล, หน้า105)
รู้สึกเหมือนทุกสิ่งที่อย่างที่เกิดขึ้นมันจะสอนเราเสมอเหมือนพวกภาษิตที่เป็นคติสอนใจ
5.กระปัน และ เต่ากำมะลอ
ดิฉันชอบคำพูดหนึ่งของเจ้ากะปันที่คุยกับอลิซว่าบทเรียนของมันน้อยลงทุกๆวัน
ไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจของผู้แต่งหรือพอแปลเป็นภาษาไทยแล้วสามารถทำให้คิดได้ ดิฉันว่า
บทเรียนมันน้อยลงทุกวันในที่นี้ไม่ใช่บทเรียนที่เรียนในห้องเรียน
แต่เป็นบทเรียนชีวิต
เมื่อเราเกิดการเรียนรู้จากบทเรียนเราจะไม่ทำผิดซ้ำสองดังนั้นบทเรียนจึงน้อยลงทุกวัน
เจดีย์ เจลดา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น