เขาเกิดเมื่อวันที่9 พฤษาคม1860 ณ ชนบททางตอนใต้ของสกอตแลนด์ ในหมู่บ้านฟอร์ฟาเซียร์ เป็นบุตรคนที่ 9 จากทั้ง 10 คนของนายเดวิด แบร์รี่ และภรรยา มาร์กาเรต โอกิลวี่ (Margaret Ogilvy)
...มาร์กาเรต โอกิลวี่....
แม่ของเขาเกิดมาในครอบครัวที่ยากไร้
เมื่อวัยเพียงแปดปีแม่ของเธอเสียชีวิต เธอจึงต้องทำหน้าที่เป็นแม่ให้น้องชาย
เธอจึงต้องสลัดความเป็นเด็กออกไปและดูแลรับผิดชอบทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นแม่ของเขาก็ไม่ได้อมทุกข์
เธอชอบเล่านิทานให้แบร์รี่และลูกๆฟัง เขาได้รู้เรื่องเล่าตำนานโจรสลัดจากนิยายของโรเบิร์ต หลุยส์
สตีเวนสันที่แม่เล่าให้ฟังทุกเย็น
จนแบร์รี่อยากเป็นนักเขียนเธอก็สนับสนุน
อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ตัวร้ายในวรรณกรรมปีเตอร์
แพน เป็โจรสลัด
ในหน้าหนาวปี 1866 แบร์รี่อายุได้6ปี พี่ชายสุดน่ารักของเขา เดวิท โดนเพื่อนชนล้มระหว่างเล่นเก็ตน้ำแข็งด้วยกัน หัวเดวิทกระแทกพื้นอย่างแรงและเสียชีวิต แม่ของเขาทำใจไม่ได้ กลายเป็นคนซึมเศร้า แบร์รี่ที่ยังเด็กไม่รู้จะทำอย่างไรให้แม่เขาอารมณ์ดีขึ้น แบรี่จึงเลียนแบบฤติกรรมของพี่ชายเขาทุกอย่าง เอาเสื้อผ้าเดวิทมาใส่ เลียนแบบท่าทางการเดิน การพูดจา จนกระทั่งเขาอายุ13ปี เท่ากับอายุของเดวิทตอนที่ตาย
และจากนั้นเขาไม่สูงขึ้นอีกเลย เขาสูงแค่150เซนเท่านั้น หนวดเคราก็พึ่งขึ้นตอนอายุ24
เสียงก็ไม่แตกหนุ่ม ร่างกายก็ผอม
เพราะสภาพร่างกายที่เจริญเติบโตไม่เป็นปกติของเขา
อาจเป็นหนึ่งแรงบัลดาลใจที่ทำให้เขาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายที่ไม่มีวันโต
วันหนึ่งพี่สาวของแบร์รี่บอกให้เขา เข้าไปปลอบแม่
และบอกว่าแม่ยังมีลูกชายอีกหนึ่งคน
แต่ทว่าขณะนั้นแม่ของเขากลับสับสนระหว่างเขากับเดวิท
นั้นทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ใช่ลูกรักแม้ว่าจะคอยอยู่ช่วยเหลือแม่มากแค่ไหนก็ตาม
แม่ของเขายังคงตรอมใจกับการจากไปของลกชายคนโปรด
แต่เธอก็เลือกที่จะคิดว่าเดวิดจะไม่มีวันแก่
จะกลายเป็นเด็กชายที่น่ารักแบบนี้ตลอดไป
เชื่อว่า ปีเตอร์แพน อาจคือตัวละครที่แบร์รี่แต่งให้เดวิด
พี่ชายที่ตายไปของเขา เป็นเพราะแม่ของแบร์รี่เชื่อว่าหลังเดวิดตาย เดวิดจะไม่มีวันแก่
และกลายเป็นนางฟ้า คอยรับเด็กๆที่ตายตั้งแต่อายุยังน้อยขึ้นสววรค์ไปนั่นเอง
หลังจากเรียนจบทางด้านศิลปะศาสตร์ เขาก็ย้ายไปอยู่ลอนดอนทำงานเป็นคอลัมนิสต์ให้กับวารสารนอตติ้งแฮม เจอร์นัล ในปี 1882 และย้ายไปเขียนให้กับวารสารอีกหลายฉบับโดยเน้นไปที่แนวชวนหัวกับตามสมัยนิยม
ในปี
1888
เขาก็ได้ตีพิมพ์นวนิยายเล่มแรก Better Dead ที่สร้างจากมุขตลกของคนทั่วไป
เขาเริ่มเป็นที่รู้จักกับนักเขียนผู้เลื่องชื่อในสมัยนั้น เขาเริ่มสร้างชื่อจาก Auld
Licht Idylls
และต่อมากับ Little
Minister
ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงจนได้รับการสร้างเป็นหนังในเวลาต่อมาถึง 3 ครั้ง
ระหว่างนั้นในปี 1894 เขาก็พบกับดาราสาวแมรี่
แอนเซล ที่มารับบทในละครของเขา Walker, London แม้เขาจะเคยกลัวการแต่งงานและบอกว่าการแต่งงานคือฝันร้าย
แตในขณะที่เขาป่วยเป็นปอดบวมเธอดูแลเขาเป็นอย่างดี ทั้งคู่แต่งงานกัน ชีวิตหลังแต่งานกลับไม่ได้ดีอย่างที่คิดพวกเขาไม่มีลูกด้วยกันซักคน
เป็นความรักที่จืดชืด ผ่านไป 15 ปี ของขวัญที่เขามอบให้ภรรยาในวันแต่งงานคือน้องหมาเซ้นต์
เบอนาร์ด
กล่าวว่าเจ้าหมานานา ในวรรณกรรมปีเตอร์แพน
ก็มาจากหมาของเขานี่แหละ
ชีวิตแต่งงานก็ถึงจุดจบแมรี่เคยบอกว่า
‘ความรักแบบเติมเต็มที่สุดในจิตใจ
ไม่สามารถสัมผัสหรือมีประสบการณ์ได้จากผู้ชายคนนี้…’ เธอถึงกับเคยอธิบายเขาไว้ว่าเป็นคนเย็นชา ตายด้าน
และเป็น “เด็กผู้ไม่รู้จักรัก” สุดท้ายพวกเขาก็หย่าร้างกันเพราะแมรี่เป็นชู้กับเพื่อนของเขา(เศร้าไปไหมมมมมมมมม)
ในปี 1897
เขาได้รู้จักกับ ชารลส์ ฟรอห์แมน เจ้าของโรงละคร แบร์รี่ได้เขียนบทละครเพื่อแสดง และได้กลายเป็นหนังอีกด้วยสองเรื่องคือ Quality Street และ The Admirable Crichton
เขามีปัญหาด้านบุคลิกภาพที่ไม่โตและมีปัญหาความผัสกับคนอื่นๆแต่ก็เฉพาะกับผู้ใหญ่เท่านั้น
เพราะกับเด็กๆเขากับเข้าได้ดีราวกับเป็นเพื่อนกัน
"""""""""""""""""""""""""""""""""
เขาได้เป็นเพื่อนกับเด็กผู้ชายตัวน้อยสองคนในวัย
5และ4 ขวบ
น้องจอร์ช และแจ๊ค
แบร์รี่ก็ผูกมิตรกับน้องทั้งคู่ จนเลยไปถึงทำความรู้จักกับพ่อแม่เขา
เดวี่ส์และซิลเวีย พ่อเป็นักกฏหมายที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัว
เด็กๆก็มักจะมาเล่นที่สวนแคนซิงตันกับแม่ ต่อมาเดวี่ส์และซิลเวียก็มีลูกอีกสามคน น้องปีเตอร์
ไมเคิล และนิโค้ แบร์รี่ก็ยังคลุกคลีกับเด็กพวกนี้จนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา
เด็กๆถึงขั้นเรียกแบร์รี่ว่า ‘คุณลุง’ เขาเล่นกับเด็กๆทุกวันทั้งอินเดียนแดง
โจรสลัด และยังสร้างเรื่องต่างๆเล่าให้ฟัง ทั้งนกพูดได้ นางเงือก และแฟรี่
การคลุกคลีอยู่กับเด็กๆทำให้แบร์รี่เริ่มอยากเขียนงานที่มีพวกเขาเป็นตัวเอก
ตัวละครปีเตอร์แพน
ปรากฎตัวครั้งแรกในในปี 1901 กับผลงานนวนิยายของเขาเรื่อง The Little White Bird
(เดิมชื่อว่า the boy castaway of black lake Islad)ซึ่งเกิดจากการเล่นกับครอบครัวเดวี่ส์นี่เอง
ในหนังสือ มีเรื่องเล่าสั้นๆของเด็กชายคนนึงชื่อปีเตอร์แพน ที่เขาจะไม่มีวันแก่เลยไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนและบอกว่าเด็กทุกคนมีลักษณะเหมือนนก
ที่บินอย่างอิสระแต่พอโตขึ้นพวกเขาก็หลงลืมวิธีบินไปจนหมดกลายเป็นผู้ใหญ่ธรรมดา
หลังจากบินเที่ยวเล่นไปอยู่กับพวกหมู่แฟรี่
ปีเตอร์ก็กลับบ้านและพบว่าแม่ของเขากำลังอุ้มทารกคนใหม่ เธอลืมเขาไปแล้ว
หลังจากนั้นปีเตอร์ก็ไม่กลับบ้านอีกเลยและไม่โตขึ้นด้วย....(เศร้าไปอีกกก)
หนังสือได้รับความนิยมมากจนมีคนขอให้เขียน
ปีเตอร์ แพน เพิ่มแบร์รี่จึงขยายเรื่องปีเตอร์ แพนออกมาเป็นบทละครสำหรับเด็ก โดยใช้ตัวละครในครอบครัวเดวี่ส์นั้นเอง
จอร์จ
เดวี่ส์----มิสเตอร์ดาร์ลิ่ง
จอห์น
เดวี่ส์---จอห์น ดาร์ลิ่ง
ไมเคิล
เดวี่ส์---ไมเคิล ดาร์ลิ่ง
นิโคลัส
เดวี่ส์---นิโคลัส ดาร์ลิ่ง
ปีเตอร์
เดวี่ส์---ปีเตอร์ แพน
แล้วในปี 1904 Peter
Pan ก็ได้ออกแสดง ณ โรงละคร
ดุคออฟยอร์ค
ในลอนดอนและเปิดอยู่หลายปีจนได้ตีพิมพ์ออกจำหน่าย
ฉบับที่กลายเป็นวรรณกรรมนั้นตีพิมพ์นั้นมีขึ้นในปี 1911ในชื่อว่า Peter Pan in Kinsington Garden และ Peter and Wendy ซึ่งเป็นบทสุดท้ายของฉบับนวนิยาย
''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''''
แบร์รี่เขียนบทกัปตันฮุกให้แก่ตัวเขาเอง
ซึ่งฮุกมือขวาขาดเช่นเดียวกับเขาที่ต้อทนทุกข์จากอาการเอ็นมือขวาอักเสบ
บทของเจมส์ ฮุกที่โกรธเกลียดปีเตอร์แพน
บ้างก็กล่างว่ามาจากตัวเขาเองโดยเกลียดพี่ชายที่ตายไปแล้วของขา
แต่บ้างก็ว่าเจมส์ ฮุกและปีเตอร์ แพนคือตัวของเขาทั้งคู่ เหมือนเหรีญที่มีสองด้าน คือคนๆเดียวกันแต่เป็นด้านมืดกับด่านสว่างเหมือนหรียญที่มีสองด้านและขาดจากกันไม่ได้
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญเวนดี้
มาจากเพื่อนของเขา มาการ์เร็ต เฮ็นลี่ย์ เสียชีวิตลงตอน5ขวบเวนดี้ก็หลีกหนีความเป็นผู้ใหญ่แต่เมื่อแพนพาเธอมาเนเวอร์แลด์เพื่อเป็นแม่ให้เด็กหลงทาง
และเธอเริ่มมีความรักต่อแพน เธอก็เริ่มสลัดความเป็นเด็กออกทีละน้อย
เนเวอร์แลนด์
ดินแดนที่เด็กถูกทิ้ง ทำไมเด็กถูกทิ้ง ก็เพราะพี่เลี้ยงซุ่มซ่ามทำตกจากรถเข็น
Mary Hodgson พี่เลี้ยงเด็กกับของบ้านเดวี่ส์ ไม่ค่อยถูกกันนักกับแบร์รี่
หลายคนก็ซุปซิปกันว่า
แบร์รี่คือผู้ชายที่มีรสนิยมคลั่งเด็กหนุ่ม(เกย์?) คือจะเกิดอารมณ์กับเด็กผู้ชายอายุน้อยๆ
แต่ก็มีคนมาแก้ต่างให้แหละ ว่าทั้งแบร์รี่ และไมเคิล แจ็คสัน
มีแต่ความรักลึกซึ้งให้กับเด็กๆ โดยที่ไม่มีอารมณ์อย่างว่าเลย
แต่มีนักเขียนอีกคน
ที่ถึงขั้นแต่งหนังสือเกี่ยวกับด้านมืดของปีเตอร์แพน ว่า
ความสัมพันธ์ของแบร์รี่กับเด็กๆห้าคนนั้น
มีมากกว่าความปกป้องดูแลเอาใจใส่เด็กน้อยทั่วไป
เขาโชว์จดหมายที่แบร์รี่เคยเขียนให้ไมเคิล (เด็กหนึ่งในห้าคนนั้นที่แบร์รี่รักที่สุด)
ในวันเกิด 8 ขวบของไมเคิลว่า
“ฉันหวังเหลือเกินว่าจะได้อยู่กับเธอในวันเกิด
เธอสามารถรู้สึกถึงฉันได้เหมือนเป็นหนึ่งในเทียนของเธอ เทียนที่เผาไหม้อย่างรุนแรง
เทียนที่เหนียวจนหลอมละลายและหักงออยู่ตรงกลาง แต่ยังไงก็ตาม
ฉันคือเทียนของเธอเสมอ ไมเคิล… ฉันมีแต่ความรักใคร่มอบให้เธอ
แต่เธอห้ามบอกใครทั้งนั้น…..”
แบร์รี่เคยเขียนในหนังสือของเขาถึงภรรยว่า
“ฉันต่างจากผู้ชายคนอื่น มันเหมือนมีคำสาปพุ่งเข้ามาในร่างกายและจิตใจฉัน
เธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ฉันอยากจะรัก แต่ฉันรักไม่ได้….”
รวมทั้งในเรื่องปีเตอร์
แพนเอง ตอนที่เวนดี้อธิบายเรื่องแฟรี่ให้มิสซิสดาร์ลิงฟังว่า
แฟรี่สีม่วงเป็นเด็กผู้ชาย
สีขาวเป็นเด็กผู้หญิงส่วนสีฟ้าเป็นพวกที่โง่เขลายังไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นอะไร
นี่อาจสนับสนุนเรื่องที่เขาเป็นชายที่มีสนิยมชอบเด็กหนุ่มก็เป็นได้
พ่อแม่ของเด็กทั้งห้าตายด้วยโรคมะเร็ง
แบร์รี่แอบเปลี่ยนพินัยกรรมให้ตัวเขา เป็นคนดูแลเด็กเองหมดเลย
โดยที่ญาติของเด็กไม่มีทางฟ้องร้องได้ แต่บ้างก็ว่าอาร์เธอร์ เดวี่ส์
จากไปก่อนด้วยโรคมะเร็ง ทำให้แบร์รี่ขอซิลเวียแต่งงาน
แต่เธอก็ตายจากไปภายหลังด้วยโรคเดียวกัน
เขาอุทิศตนเป็นพ่อบุญธรรม
และเรียกเด็กๆว่า the lost boy
ซึ่งก็เป็นคำที่เรียกเด็กๆในวรรณกรรมปีเตอร์แพนด้วยคือกลุ่มเด็กหลง
หลังจากนั้นก็เข้าช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จอร์ช พี่ชายโตสุดในเด็กทั้งห้าได้เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 21 (มีคนบอกว่า การที่จอร์จอาสาออกไปรบ เพราะจะได้เป็นการหลีกหนีความสัมพันธ์กับแบร์รี่)
การตายครั้งนี้ทำให้ไมเคิลและแบร์รี่ยิ่งสนิทกันมากขึ้น
ต่อมาไมเคิลก็ออกไปอยู่โรงเรียนประจำ เขาเข้ากับใครไม่ได้เลย หลีกหนีสังคมทุกอย่าง
แต่ไมเคิลก็ได้สนิทกับเด็กชายคนนึงชื่อรูเพิร์ต ตัวติดกัน ไปไหนต้องอยู่ด้วยกันตลอด
จนวันนึง มีคนเจอทั้งคู่จมน้ำอยู่ในแหล่งน้ำใกล้กับเมืองอ๊อกซ์ฟอร์ด
โดยร่างของทั้งคู่คลอเคลียกันแน่นไม่ยอมห่างไปไหน บางคนก็บอกว่า
สองคนนี้คือคู่รักกันนั่นแหละ
แจ๊คพี่ชายคนรองแต่งงานตอนอายุ19ปี โดยไม่บอกกล่าวเจมส์ เนื่องจาก แบร์รี่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการคบหาของทั้งคู่
และเสียชีวิตลงในปี1959
ปีเตอร์
(หนึ่งในเด็กทั้งห้า) ในวัย 63 ได้กระโดลงรางรถไฟฆ่าตัวตายหลังจากนั่งอ่านจดหมายทั้งหมดที่แบร์รี่เคยส่งให้กับพี่น้องทั้ง
5 คน เขาบอกว่า นี่สุดจะทนจริงๆ รับมันต่อไปไม่ได้แล้ว
ส่วนแบร์รี่
เขาตายจากโรคปอดบวมในวัย 77 ปี และขอมอบลิขสิทธิ์จากผลงานปีเตอร์แพนของเขาทุกเรื่อง
มอบให้โรงพยาบาลเด็ฏ London’s Great Ormond Street
...จิตวิทยากับแบร์รี่...
เขาอาจจะมีอาการ ของกลไกการป้องกันตัวเองของจิตใจเช่น
การถดถอย (Regression) หมายถึง การหนีกลับไปอยู่ในสภาพอดีตที่เคยทำให้ตนมีความสุข
ตัวอย่างเช่น เด็ก 2-3 ขวบ ที่ช่วยตนเองได้ มีน้องใหม่
เห็นแม่ให้ความเอาใจใส่กับน้อง มีความรู้สึกว่าแม่ไม่รัก
และไม่สนใจตนเท่าที่เคยได้รับ จะมีพฤติกรรมถดถอยไปอยู่ในวัยทารกที่ช่วยตนเองไม่ได้
ต้องให้แม่ทำให้ทุกอย่าง
ไม่ยอมโต
การแสดงปฏิกิริยาตรงข้าม
กับความปรารถนาที่แท้จริง (Reaction Formation) หมายถึง
กลไกป้องกันตน โดยการทุ่มเทในการแสดงพฤติกรรมตรงข้ามกับความรู้สึกของตนเอง ที่ตนเองคิดว่าเป็นสิ่งที่สังคม
อาจจะไม่ยอมรับ
ระบายความรู้สึกผ่านการเขียนหนังสือ
การเลียนแบบ (Identification) หมายถึง การปรับตัวโดยการเลียนแบบบุคคลที่ตนนิยมยกย่อง
เลียนแบบพี่ชายเพ่ื่อแม่
แต่ไม่ว่าPeter Pan จะได้รับแรงบัลดาลใจมากจากพี่ชายของแบร์รี่ ครอบครัวเดวี่ส์ หรือความคับข้องใจในวัยเด็กของตัวเขาเองก็ตาม แต่วรรณกรรมเรื่องนี้คือการเล่าผ่านมุมมองของผู้ใหญ่ที่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
เพราะ...ไม่มีเด็กคนไหนไม่อยากโต เด็กๆล้วนอยากโตขึ้น (แบบที่เราชอบว่าว่าเด็กแก่แดด) มีแต่ผู้ใหญ่ที่โหยหาชีวิตวัยเด็ก อยากกลับไปเป็นเด็ก อยากกลับไปมีความสุข ร่างเริง ไร้เดียงสา ไร้หัวใจ ไม่ต้องรับผิดชอบ...
เพราะ...ไม่มีเด็กคนไหนไม่อยากโต เด็กๆล้วนอยากโตขึ้น (แบบที่เราชอบว่าว่าเด็กแก่แดด) มีแต่ผู้ใหญ่ที่โหยหาชีวิตวัยเด็ก อยากกลับไปเป็นเด็ก อยากกลับไปมีความสุข ร่างเริง ไร้เดียงสา ไร้หัวใจ ไม่ต้องรับผิดชอบ...
เจดีย์ เจลดา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น