อ่านเกี่ยวกับวินนี่เดอะพูห์ก่อนหน้านี้ โดยเจลดา
และ
พูห์ กับ สมองรวงผึ้งของมัน
เมื่อมีคนพูดถึง “หมีพูห์” ภาพี่เกิดขึ้นในหัวของทุกคน
นอกจากเจ้าหมีแสนน่ารักแล้วแน่นอนว่าต้องมีภาพตัวละครอื่นๆผู้เป็นผองเพื่อนของพูห์ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นพิกเลต คริสโตเฟอร์ โรบิน อียอร์ อาวล์ แรบบิต ทิกเกอร์ รู และแคงกาเพราะมิตรภาพของพวกมันทำให้เราไม่อาจลืมตัวละรใดไปได้เลย
แต่ถ้าไม่ใช่ภาพตัวละครเราจะนึกถึงภาพอะไรเคียงข้างหมีน้อยพูห์ สำหรับดิฉัน ดิฉันเห็นภาพของเจ้าหมีพูห์กำลังนั่งควักมือลงไปในโถน้ำผึ้งเหนียวหนึบของโปรดของมัน
เพราะหากจะกล่าวถึงอาหารแสนโปรดของเจ้าหมีสมองเล็กอย่างวินนี่เดอะพูห์แล้วคงหนีไม่พ้น
“น้ำผึ้ง”(เพราะไม่เห็นมันกินอย่างอื่นเลย)
“เวลาตื่นตอนเช้านะพูห์...สิ่งแรกที่นายพูดกับตัวเองคืออะไร”
“เช้านี่มีอะไรกิน” พูห์ว่า “แล้วนายพูดว่าไง
พิกเลต”
“ฉันพูดว่า สงสัยจังว่า วันนี้จะมีอะไรตื่นเต้น”พิกเลตตอบ
พูห์พยักหน้าอย่างใช้ความคิด
“มันก็อย่างเดียวกันแหละ”มันว่า
(วินนีเดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์), เอ เอ มิลน์, ธารพายุ, หน้า149)
จากข้อความนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่พอๆกับการผจญภัยสำหรับพูห์
ดิฉันจึงเริ่มเห็นความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างมัน และ น้ำผึ้งของมัน น้ำผึ้งของมันมักเข้ามาอยู่ในแทบสถานการณ์และบางครั้งก็สร้างสถานการณ์ต่างๆมากมายในชีวิต
ในวินนีเดอะพูห์ –
บทที่1 มันหาทางขึ้นไปกินน้ำผึ้งบนต้นไม้
บทที่2มันกินน้ำผึ้งในโพรงแรบบิต
บทที่3 ในตอนจบมันพูดว่า”จวนถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว”ดังนั้นมันจึงกลับบ้านไปหาไรกิน ซึ่งดิฉันเดาว่าต้องเป็นน้ำผึ้งแน่ๆ
บทที่4 มันพยายามขออาวล์กินน้ำผึ้ง
บทที่5 มันเอาน้ำผึ้งไปเป็นเหยื่อล่อตัวเฮฟฟาลัมฟ์
บทที่6 มันเอาโถน้ำผึ้งเปล่าๆไปให้อียอร์เป็นของขวัญวันเกิดเพราะมันกินน้ำผึ้งหมดแล้ว
บทที่9
พูห์มองหาโถน้ำผึ้งจนเจอขวดข้อความขอความช่วยเหลือจากพิกเลต
ในบ้านมุมพูห์ –
บทที่2 พูห์กินน้ำผึ้งกับทิกเกอร์
บทที่3 พูห์กำลังนับโถน้ำผึ้งขณะแรบบิตมาหา
บทที่5 พูห์ร้องเพลง “เสียง” โดยมีท่อนที่เกี่ยวกับน้ำผึ้ง
และมันจัดตระกร้าที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งไปกินข้าวเช้ากับคริสโตเฟอร์ข้างสนหกต้น
บทที่7 พูห์พาพิกเลตออกจากป่ากลับบ้านไปกินน้ำผึ้ง
น้ำผึ้งกับพูห์จึงเป็นสิ่ที่ขาดกันไม่ได้
และเหตุการณ์ที่มีน้ำผึ้งเข้ามาเกี่ยวข้องก็สามารถอธิบายบุคคลิกนิสัยของมันได้
1 “น้ำผึ้ง” ทำให้พูห์มักประสบปัญหาเล็กๆน้อยๆอยู่เสมอ อย่างในตอนที่มันพยายามหาทางขึ้นไปกินน้ำผึ้งจากรังบนต้นไม้หลังจากคิดอย่างรอบคอบแผนของมันคือมันคลุกตัวเองกับโคลนเพื่อพลางตัวไม่ให้พวกผึ่งสังเกตเห็นมันและเกาะลูกโป่งสีฟ้าลอยขึ้นไปมันตั้งใจจะให้ตัวเองดูเหมือนเมฆฝนบนท้องฟ้า แต่สุดท้ายกลับโดยผึ้งต่อยจมูกมันจึงคิดว่าผึ้งพวกนี้เป็นผึ้งผิดประเภทและมันไม่อยากกินน้ำผึ้งอีก คริสโตเฟอร์จึงยิงลูกโป่งให้แตกและช่วยพูห์ให้ลอยกลับลงมาสู่พื้นได้อย่างปลอดภัย
และตอนที่พูห์ไปในเยี่ยมแรบบิตในโพรง
มันอิ่มเอมกับการกินน้ำผึ้งและนมข้นของแรบบิตมากไปหน่อย จนตัวมันอ้วนขึ้นมาก มันเลยติดแหงกออกจากโพรงแรบบิตไม่ได้
และมันได้กล่าวภายหลังว่ามันไม่ได้อ้วนขึ้นเพียงแต่ว่าประตูมันเล็กลงเท่านั้น
หรือในตอนที่พิกเลตและพูห์ขุดหลุมทำกับดักจับเจ้าเฮฟฟาลัมป์
และพูห์ได้เอาโถน้ำผึ้งของมันวางเป็นเหยื่อล่อ แต่มันนั่นแหละที่ซัดเหยื่อล่อของจนเกลี้ยงแถมทำหัวตัวเองติดอยู่ในโถอีก
จากที่ดิฉันกล่าวมาทำให้ทราบได้ว่าพูห์เป็นหมีที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่
สมกับที่คนเรียกมันว่าหมีสมองเล็ก หนำซ้ำความตะกละของมันยังนำตัวมันเองไปเดือนร้อนอยู่บ่อยๆ
“...หมีงี่เง่าตัวเล็กตัวหนึ่ง
เที่ยวเดินเตร่ถามอะไรโง่ๆไปทั่ว ไม่ก็ร้องเพลงที่มันแต่งเอง
หรือไม่ก็ออกผจญภัยหาเรื่องเดือดร้อนไม่หยุดหย่อน
โดยมันไม่เคยได้ความรู้ความฉลาดใดๆกลับมาและไม่เคยสูญเสียความสุขแบบใสซื่อบริสุทธิ์ของมันด้วย...”
(เต๋าแบบหมีพูห์, เบนจามิน ฮอฟฟ์,มนต์สวรรค์
จินดาแสง, หน้า23) ประโยคนี้ดูเหมือนจะเห็นด้วยว่าพูห์มันเป็นหมีที่ดูไร้สาระและไม่ฉลาด
แต่หากมองดูดีๆการเที่ยวเดินเตร่ไปเรื่อยๆ
ได้ร้องเพลงที่เราแต่งเองแล้วรู้สึกสนุกภูมิใจ ได้ออกผจญภัยกับเพื่อนที่เรารักและไม่เคยสูญเสียความสุขแบบใสซื่อบริสุทธิ์เลย
มันดูงี่เง่าตรงไหน มันช่างเป็นชีวิตที่น่าอิจฉาไม่ใช่หรือ
ดิฉันมั่นใจว่าพูห์ไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นหมีสมองเล็กหรือใหญ่
เพราะความสุขของมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดสมอง มีแต่เราๆผู้อ่านนี่แหละที่คิดตำหนิเรื่องขนาดสมองของพูห์ไปเอง
เพียงเพราะมันคิดไม่เหมือนเราและเราคิดว่าเราฉลาดกว่ามัน หากเราเปิดใจสักนิด
จะพบว่าในป่าร้อยเอเคอร์ที่พูห์และผองเพื่อนอาศัยอยู่นั้น จำเป็นต้องมีพูห์กับสมองเล็กๆของมัน
ดิฉันจึงจินตนาการภาพสมองของพูห์
ว่าสมองของมันเหมือนรวงผึ้งที่มีช่องว่างอยู่มากมาย แต่ไม่ได้หาว่ามันเป็นหมีโง่ไร้สมองสะทีเดียว
เพียงแต่มีรวงผึ้งมากกว่าเนื้อสมองในหัวมันก็เท่านั้น
คนเราต้องการฉลาดเพื่อนำความรู้ที่เรามีไปทำคุณประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น
ทำให้ตนเองรู้สึกมีความสุข ควาสุขของคนเราจึงเกิดจากความรู้สึกว่าตัวเองฉลาด แต่สำหรับพูห์มันกลับมีความสุขทุกวันเพราะมันเป็นหมีสมองน้อยทำให้มันรู้สึกสุขได้กับทุกสิ่ง
ความสุขของมันหาง่าย มันมีความสุขเมื่อตื่นมาแล้วถามตัวเองว่าวันนี้มีอะไรกินและได้กินน้ำผึ้งของโปรด
มีความสุขกับการไปเจอเพื่อนๆที่มันรักและได้ผจญภัยด้วยกัน มันมีความสุขกับการร้องเพลงที่มันแต่ง
ซึ่งหากมันมีสมองมากกว่านี้อีกนิดมันอาจจะไม่สามารถรู้สึกสุขกับสิ่งเหล่านี้ได้อีก
“...ความฉลาดจากการศึกษาตำราอาจมีประโยชน์ในการวิเคราะห์บางสิ่งบางอย่าง
แต่กับสิ่งที่ลึกซึ้งกว้างไกลเกินหยั่งรู้นั้น อยู่พ้นไปจากข้อจำกัดของความฉลาดจะเข้าถึง”
(เต๋าแบบหมีพูห์, เบนจามิน ฮอฟฟ์,มนต์สวรรค์
จินดาแสง, หน้า48) นั่นคือหากเปรียบกับความสุข
ความสุขถ้าเรามองด้วยสายตาและสมองที่ซับซ้อน
เราก็จะพบความสุขได้ยากและซับซ้อนตามไปด้วย แต่ถ้าเรามองด้วยสายตาและสมองของพูห์ความสุขจะอยู่รอบตัวเรา
มีอีกหลายเหตุการณ์ที่สนับสนุนว่าถึงพูห์จะเป็นหมีสมองเล็ก(และมันก็รู้ตัว)
แต่มันไม่ได้โง่ บ่อยครั้งที่มันก็สามารถช่วยเหลือเพื่อนๆของมันได้ อย่างเช่นตอนที่มันช่วยอียอร์หาหางที่ทำหาย
สุดท้ายพูห์พบหางของอียอร์ที่หน้าบ้านอาวล์ผู้ฉลาดรอบรู้แต่กลับเป็นพูห์ที่พบหางของอียอร์พบ
หรือตอนไปสำดวดขั้วโลกเหนือ รูเกิดตกลงไปในแม่น้ำ
มีเพียงพูห์เท่านั้นที่คว้าไม้มากั้นทางน้ำและช่วยให้รูปีนขึ้นจากน้ำได้ และมันเป็นคนออกความเห็นให้พิกเลตปีนออกไปจากบ้านของอาวล์ที่พังจากพายุไปขอความช่วยเหลือซึ่งอาวล์ก็ชมมันว่า
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่าหมีที่เฉียบแหลมและมีประโยชน์” (วินนีเดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์), เอ เอ มิลน์, ธารพายุ, หน้า277)
2 คราวนี้น้ำผึ้งและความตะกละของมันกลับสร้างประโยชน์ อย่างในตอนท้ายๆ ของวินนีเดอะพูห์ดิฉันคิดว่าเป็นครั้งแรกที่ความอยากกินน้ำผึ้งของมันมีประโยชน์ ตอนนั้นบ้านของพิกเลตถูกน้ำล้อมรอบจากฝนที่ตกหนัก พิกเลตต้องการความช่วยเหลือ มันจึงเขียนข้อความลงกระดาษยัดลงขวดและทิ้งขวดลงน้ำให้ลอยไป ทางด้านพูห์มันอยู่บนต้นไม้กับโหลน้ำผึ้ง12โหล จังหวะที่ขวดของพิเล็ตก็ลอยมาพูห์กำลังมองหาขวดน้ำผึ้งเพิ่มพอดี พูห์คิดว่าขวดของพิกเลตเป็นโหลน้ำผึ้งจึงรีบกระโจนเข้าใส่ และได้พบข้อความของพิกเล็ต พูห์ฉลาดมากพอที่จะรู้ว่านี้คือข้อความสำคัญและเพราะน้ำเข้าตามันจึงอ่านหนังสือไม่ออกมันเลยให้คริสโตเฟอร์ช่วยอ่านจนรู้ความ และด้วยความฉลาดของพูห์มันก็ประดิษฐ์เรือสมองพูห์ขึ้นมา
“เราอาจนั่งร่มของนายไปได้ พูห์พูด ทันใดนั้น
คริสโตเฟอร์ โรบิน ก็มองเห็นความเป็นไปได้เขาการงร่มแล้วหงายลงในน้ำ มันลอย...ท่านคงนึกภาพออกว่าพิกเลตดีใจขนาดไหนเมื่อในที่สุดมันได้เห็นเรือชั้นดีที่ชื่อว่า
สมองพูห์”
(วินนีเดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์), เอ เอ มิลน์, ธารพายุ, หน้า135)
ต้องขอบคุณความตะกละน้ำผึ้งของพูห์
และความฉลาดในการสร้างเรือสมองพูห์ของมันซึ่งแม้แต่คริสโตเฟอร์ผู้เป็นที่พึ่งของทุกคนก็คิดแบบพูห์ไม่ได้
หรือในหนังสือบ้านมุมพูห์ ตอนที่แรบบิตต้องการจะแกล้งทิกเกอร์ให้เลิกเด้ง
โดยจงใจจะปล่อยทิกเกอร์ให้หลงป่า แต่กลายเป็นมัน พูห์ และ พิกเลตตังหากที่หลงอยู่ในป่าท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย
และในสถานการณ์คับขันแบบนี้ไม่ใช้แรบบิตผู้ที่ชอบแสดงความรู้จะช่วยให้ทุกคนกลับบ้านได้
แต่กลับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างพูห์กับโถน้ำผึ้งที่บ้านมันมากกว่าที่ช่วยนำทางให้พูห์และพิกเลตกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย
พวกมันคุยกันว่า
“นี่...พิกเลต กลับบ้านกันเถอะ”
“แต่...พูห์”พิกเลตร้อง
เนื้อสั่นเนื้อเต้นไปหมด “นายรู้ทางหรอ”
“ไม่รู้”พูห์ตอบ “แต่มีน้ำผึ้งสิบสองโถในตู้เก็บอาหารของฉัน และพวกมันเรียกร้องฉันมาเป็นชั่วโมงๆแล้ว
ก่อนหน้านี้ฉันได้ยินไม่ถนัด เพราะแรบบิตมันพูดจัง
แต่ถ้าไม่มีใครพูดอะไรนอกจากสิบสิงโถใบนั้น ฉันก็คิดว่าฉันจะรู้นะ พิกเลต
ว่าพวกมันเรียกมาจากตรงไหน มาเถอะ”
(วินนีเดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์), เอ เอ มิลน์, ธารพายุ, หน้า261)
กลับมาที่จินตนาการของดิฉันที่กล่าวไว้แต่ข้างต้นว่าสมองของพูห์เหมือนรวงผึ้งนั่น
ส่วนหนึ่งได้แรงบัลดาลใจมาจากเพลงที่พูห์ร้องตอนพยายามปีนไปกินน้ำผึ้งบนต้นไม้สูง
ที่ว่า “คิดแล้วก็ขำดี หากหมีเกิดเป็นผึ้ง...”
(วินนีเดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์), เอ เอ มิลน์, ธารพายุ, หน้า11) ดิฉันจึงขอเปรียบเทียบว่า
ครั้งแรกที่อ่านวินนีเดอะพูห์และบ้านมุมพูห์แบบเผินๆ ทำให้ได้น้ำผึ้งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
การผจญภัย ของกินอร่อยๆ เพลงเพราะๆและมิตรภาพของเพื่อนๆ สมองพูห์อาจดูเหมือนรวงผึ้งที่มีน้ำผึ้งไม่มาก ไม่หอมหวาน และมีช่องว่างเต็มไปหมด
เลยมองว่ามันเป็นหมีที่ไม่ค่อยฉลาดและใช้ชีวิตไร้สาระไปวันๆ แต่เมื่อลองมองให้ดีๆช่องว่างในรวงผึ้งนั้นกลับถูกเติมเต็มด้วยน้ำผึ้งหอมหวาน
ซึ่งต้องไม่ได้เกิดจากผึ้งผิดประเภท
เป็นน้ำผึ้งที่ผึ้งพูห์ได้เก็บสะสมจากดอกไม้ต่างๆในป่าร้อยเอเคอร์ ทั้งดอกคริสโตเฟอร์
โรบิน ดอกพิกเลต ดอกอียอร์ ดอกทิกเกอร์ ดอกแรบบิต ดอกอาวล์ ดอกแคงกา และดอกรู
ในสมองของพูห์จึงเต็มไปด้วยน้ำผึ้งที่หอมหวานซึ่งเปรียบคือความทรงจำครั้งยังวัยเยาว์ที่ยิ่งใหญ่
ในบทจบของบ้านมุมพูห์ มันและคริสโตเฟอร์ โรบินได้สัญญากันเอาไว้ว่า
“พูห์ ...สัญญาซีว่านายจะไม่ลืมฉัน...ตลอดไป แม้แต่เมื่อฉันอายุร้อยปี”
พูห์คิดนิดนึง“ฉันจะอายุเท่าไหร่ตอนนั้น”
“เก้าสิบเก้า”
พูห์พยักหน้า
“ฉันสัญญา”
(วินนีเดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์), เอ เอ มิลน์, ธารพายุ, หน้า306)
หากคริสโตเฟอร์ยังไม่ลืมสัญญาที่ทั้งคู่ได้ให้แก่กัน
ณ ดินแดนแห่งมนต์ตรา ดิฉันมั่นใจว่าเขาจะมาร่วมยืนยันกับดิฉันว่าพูห์ไม่ใช่หมีโง่ไร้สาระและความทรงจำในวัยเยาว์นั่นหอมหวานเพียงใด
แต่ถ้าหากเขาลืม เหมือนอย่างเช่นผู้อ่านหลายคนที่ลืมความทรงจำเก่าๆไปแล้วนั้น เขาคงมองพูห์ด้วยสมองที่ซับซ้อนและเห็นว่ามันเป็นแค่หมีโง่งี่เง่าไร้สาระตัวหนึ่ง
หากอยากรู้ว่าน้ำผึ้งแห่งความทรงจำวัยเยาว์หอมหวานเพียงใด
จงกลับไปยังดินแดนแห่งมนตราของคุณเอง และใช้สายตาเดียวกับพูห์ใช้ มองโลกแล้วจะพบคำตอบ
บรรณานุกรม
เจลดา.
winnie the pooh --- วินนี เดอร์
พูห์ หมีพูห์กับน้ำผึ้งของมัน.
สืบค้นเมื่อวันที่18 พ.ค. 59,จากhttp://jddjlfldance.blogspot.com/2016/04/winnie-pooh.html
เบนจามิน ฮอฟฟ์. (2552). เต๋าแบบหมีพูห์.
แปลโดยมนต์สวรรค์ จินดาแสง.
กรุงเทพ:มติชน.
วินนี่ เดอะ ปุ๊. (2546). เรื่องหมีหมี เรื่องเล่าจากคนรักหมี. พิมพ์ครั้งที่3. กรุงเทพฯ:มติชน.
เอ เอ มิลน์. (2555). วินนี่เดอะพูห์(ฉบับสมบรูณ์). แปลโดยธารพายุ. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ:แพรวเยาชน.
โดย เจลดา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น