วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2559

การเติบโตของเด็กชายที่ไม่มีวันโต Peter Pan



ใน The Little White Birds วรรณกรรมที่เปิดตัว ตัวละคร Peter Pan มีแนวคิดว่าก่อนที่มนุษย์เกิดมาจากวิญญาณของนก และเมื่อเด็กมากำเนิดในครรภ์มารดา เด็กแรกเกิดจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นมนุษย์จึงยังคงสามารถบินได้อยู่

Peter Pan ก็เช่นกันที่กิดมาแล้วสามารถบินได้ เขาบินเข้าไปในสวน Kensington Gardens จนกระทั่ง Peter Pan หยุดบินพักเหนื่อยบนต้นไม้ ผู้เฒ่ากา Solomon ได้บอกความจริงกับเขาว่าเขาเป็น"เด็กทารก"  
Peter Pan ได้สูญเสีย "ความเชื่อ" และ ความสามารถที่จะบินไปทันทีเขาจึงไม่อาจบินกลับไปหาแม่ของเขาได้อีก ต่อมาจากโครงเรื่องนี้ก็พัฒนาขยายมาเป็นPeter Pan ที่เรารู้จัก
 
Peter Pan 
เขาคือตัวแทนของเด็กชายทั่วไปไร้เดียงสาและไร้หัวใจ 
เห็นตัวเองเป็นสำคัญยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเสมือนมีไว้เพื่อตัวเขาเพียงคนเดียว


เขาไม่สนใจความเป็นไปรอบข้าง สนแค่ตัวเขากับสิ่งที่เขาอยากจะทำ  

ไม่มีสำนึกดีหรือชั่ว ปราณีหรือโหดร้าย (จากการกระทำของปีเตอร์ที่กระทำต่อพวกโจรสลัดหรือฮุก ล้วนโหดร้าย) เขาป่าเถื่อนแต่กลับอ่อนไหวเปราะบางต่อความเจ็บปวดในใจ(เรื่องในอดีตที่พ่อแม่ลืมเขา) 

กล้าหาญ ไม่เกรงกลัวอันตราย เขาชอบโอ้อวด ชอบเรื่องสนุกท้าทาย การผจญภัยมากมายที่รอเขาอยู่ 
เขาหลงลืมทุกอย่างได้รวดเร็ว(ไม่เว้นแม้แต่เวนดี้ บางทีเขาก็ลืมชื่อเธอ แม้แต่คำสัญญาที่เคยให้ไว้ว่าเขาจะไม่ลืมเธอ เขาก็ลืม...) เขารู้จักเพียงแค่เมื่อวานกับวันนี้
เขาไม่เข้าใจกระทั่งว่า "จูบ" กับ "ปลอกสวมนิ้ว" ต่างกันอย่างไร และแยกไม่ออกระหว่างเรื่งจริงและเรื่องสมมติ


เขาปฏิเสธการใช้เหตุและผลแบบ "ผู้ใหญ่" รวมถึงปฏิเสธการเติบโต เขาอยากใช้ชีวิตที่มีแต่ความสนุกที่เนฟเวอร์แลนด์ แต่นั่นก็ต้องแลกกับการที่เขาไม่สามารถกลับไปหาแม่ขแงเขาได้ทั้งแม่จริงๆ หรือเวนดี้ที่เล่นเป็นแม่ให้เขาก็ตาม
   
หนังเวอร์ชั่นี้สนุกมาก หน้าตาตัวละครก็ถูกจริตทั้งหญิงชาย

 .........................................................................

 เวนดี้ 
ตัวแทนของเด็กที่กำลังจะโตขึ้น ในตอนแรกเวนดี้ยอมตามปีเตอร์ไปยัง Neverland ด้วยเหตุผลแค่อยากเห็นนางเงือกและความมหัศจรรย์อื่นๆ แต่เมื่อเธอได้เริ่มทำหน้าที่ของ "แม่" ให้กับเหล่า 
เด็กหลง เวนดี้ก็เริ่มรู้สึกถึงความรับผิดชอบ และ ความรักของแม่
สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจจะพาเหล่า เด็กหลงทาง และน้องๆกลับไปยังโลกแห่งความจริงเพื่อกลับสู่อ้อมอกของแม่ เพราะเธอเชื่อว่าพ่อแม่จะยังเปิดหน้าต่างรอเธออยู่เสมอ

สิ่งที่ต้องยอมรับคือ "เราหนีไปเหมือนสิ่งที่ไร้หัวใจที่สุดในโลก เราใช้เวลาคิดถึงแต่เรื่องของตัวอง จากนั้นเมื่อเราต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษ เราก็กลับไปอย่างอกผายไหล่ผึ่งมั่นใจว่าจะได้รับกอดมากกว่าการโดนตี"
นั้นหมายถึงเด็กๆ จากพ่อแม่มาเพียงเพาะความากสนุก แต่พอวันหนึ่งที่อยกจะกลับไป เด็กก็รู้อยู่เต็มอกว่าพ่อแม่จะมอบความรักให้แก่เขาเสมอแม้พวกเขาจะทำผิดก็ตาม(เห็นแก่ตัวเนอะ...แต่นี่แหละเด็ก)

...................................................................

"เมื่อทารกแรกเกิดหัวเราะเป็นครั้งแรก จะมีภูตพรายตนหนึ่งเกิดใหม่ขึ้น"
 มนุษย์เราเป็นสิ่งที่ชื่นชอบความเพ้อฝัน ในตอนที่เรายังเด็ก ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกดูจะตระการตาไปหมด สำหรับสายตาพึ่งเกิด จึงทำให้เขาพร้อจะเชื่อเรื่อง "เวทมนต์" พวกเด็กพร้อมจะเชื่อเรื่อง แฟรี่ ทุกครั้งที่เด็กเกิดจึทำให้มีภูตพรายตัวหนึ่งเกิดขึ้น 

 "และทุกครั้งที่เด็กคนใดพูดว่า 'ฉันไม่เชื่อว่าภูตพรายมีจริง'

ภูตพรายสักตน ซึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง จะร่วงหล่นลง แล้วก็ตายไป"
  แต่เมื่อเติบโตขึ้น "ความเชื่อ" ก็ถูกแทนที่ด้วย "ความรู้"
จากจินตนาการหายไปเหตุผลเข้ามาแทนที่
ความฝันและจินตนาการกลายเป็นเพียงสิ่ง "ไร้สาระ" 
เมื่อเราหมดความเชื่อ เหล่าแฟรี่ก็ถึงจุดจบในใจของพวกเรา

 Neverland เองขึ้นอยู่กับความเชื่อเมื่อกัน เนฟเวอร์แลนด์ไม่มีรูปร่างที่ตายตัวมันจะปรับเปลี่ยนไปตามจิตนาการความเชื่อความฝันของเด็กๆ ดินแดนที่พวกเขาจะมีความสุขเมื่อได้อยู่ที่นั้น

.....................................................................................

การบิน ปีเตอร์คือคนเดียวที่สามารถบินได้โดยไม่ต้องใช้ละอองนางฟ้า
เมื่อเขาพยายามสอนเด็กๆครอบครัวดาร์ลิ่งให้บิน เขาก็บอกแต่เพียงว่า
 "เธอก็แค่นึกถึงเรื่องอะไรที่มีความสุขมากๆ แล้วความคิด
นั้นก็จะยกตัวเธอให้ลอยขึ้นไปในอากาศเองแหละ..."
          ละอองนางฟ้า ถูกเพิ่มเข้ามา ในภายหลัง ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่เดิม ปีเตอร์ และ เด็กๆสามารถบินลำพัง แต่หลังจากที่มีรายงานว่าเด็กได้รับบาดเจ็บ เพราะพยายามฝึกบินโดยการกระโดดลงจากเตียงเจมส์ แบร์รี่จึงเพิ่ม ละอองนางฟ้าเป็นปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการบินเข้าไป

           ถึงแม้ว่าเด็กๆจะไม่อยากโตแต่การแสดงทั้งหมดในเรื่องก็เหมือนเด็กๆอยากโตนั้นแหละ การสมมติเป็นพ่อแม่ของปีเตอร์และเวนดี้ การทำอาหาร มีเวลากินเวลานอน การต้องกินยา ก็คิดการฝึกระเบียบวินัยให้ทุกคนมีสีระเบียบและมีความรับผิดชอบ รู้จักหน้าที่ของตน ก็เหมือนการเล่นเพื่อเตรียมพร้อมเป็นผู้ใหญ่

           ฉากที่เวนดี้ป่วย ปีเตอร์สั่งให้เด็กหลงไปตามหมอ ซึ่งที่เนฟเวอร์แลนด์ไม่มีหมอ หมอที่ว่ามาจากการเล่นบทบาทสมมติและที่แย่คือปีเตอร์แยกไม่ออกว่านี่คือการสมมติ ถ้าเวนดี้เกิดป่วยหนักขึ้นมาจริงๆ เธออาจจะไม่รอดไปแล้วก็ได้ ดั้งนั้นเด็กควรมีผู้ใหญ่ดูแล 

พวกผู้ใหญ่มีทั้งคนดี(พ่อ แม่ พวกผิวแดง)และไม่ดี(โจรสลัด)

การต่อสู้ระหว่างเด็กหลงกับพวกโจรสลัด แสดงให้เห็นว่าเด็กก็สามารถทำอะไรที่ใหญ่เกินตัวได้และฝ่ายธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอ
เจดีย์ เจลดา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น