วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประโยชน์ของคติชาวบ้าน - เอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก

ประโยชน์ของคติชาวบ้านตามความคิดของฉัน (โดย เจดลา)

          คติชาวบ้านที่ฉันเข้าใจ คือ ความเชื่อ ที่เชื่อและประพฤติปฎิบติต่อๆกันมาโดยคิดว่าสิ่งนั้นดีกับชีวิต ดังนั้นประโยชน์ของคติชาวบ้านก็คือ มีข้อปฎิบัติที่ทำให้เราปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม แล้วเกิดผลดี ทั้งกายใจนั่นเอง
กล่าวคือ ในสมัยก่อนที่คนยังไม่มีความรู้ ไม่มีวิทยาการทางวิทยาศาสร์ คติชาวบ้านเป็นเครื่องมือทางความคิดที่คนคิดเชื่อมโยงขึ้นจากประสบการณ์,สิ่งแวดล้อม,วิถีชีวิต และความเชื่อทางศาสนา เพื่อให้เป็นแนวทางยึดถือปฎิบัติ และพยายามหาเหตุผลให้กับสิ่งต่างๆ โดยคติชาวบ้านยังคงเคารพธรรมชาติ สิ่งลี้ลับ และสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา จึงเป็นวิธีการเอาตัวรอดที่ทำให้เรานบนอบและเคารพทุกสิ่งรอบตัว ต่างจากเมื่อเรามีความรู้มากขึ้น คนเริ่มหาคำตอบจากสิ่งที่มองไม่เห็นได้ เราไม่ได้อาศัยร่วมกับธรรมชาติอีกแต่พยายามอยู่เหนือมันแทน คติชาวบ้านจึงมีประโยชน์กว่าในแง่การปลูกฝังความยำเกรงต่อสิ่งต่างๆรอบตัว
ประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง คือ คติชาวบ้านสอดคล้องกับความเชื่อและความกลัว ทำให้คนยึดปฎิบัติได้มากกว่า เช่น หากบอกว่าคนที่ตั้งครรภ์ว่า อย่าไปงานศพเพราะ 1อาจจะติดเชื้อโรค กับ 2เด็กอาจจะได้รับพลังลบๆจากสิ่งเหนือธรรมชาติหรืออาจโดนพรากไป หากให้เหตุผลที่1 แม่ที่คิดว่าตัวเองแข็งแรงดีก็อาจจะเสี่ยงไปงานศพ แต่หากเป็นเหตุผลที่2 มันเป็นสิ่งที่ลี้ลับที่อยู่เหนือการควบคุมจึงไม่กล้าเสี่ยง ทำให้ไม่ไปและมีโอกาสปลอดภัยจากเชื้อโรคมากกว่า นอกจากจะใช้ยึดปฏิบัติแล้วนั้นคติชาวบ้านยังสามารถสร้างความบันเทิงรื่นเริงได้อย่างเข้ากับวิถีชีวิตของคน เช่น ปริศนาคำทาย เพลงชาวบ้าน เพลงกล่อมเด็ก ละครระบำ การละเล่น เรื่องเล่าต่างๆ รวมถึงยังสามารถสั่งสอนคนได้ด้วย เช่น สุภาษิตคำพังเพย อากับกริยาที่เป็นค่านิยมยึดถึงกันมา นำไปสู่อัตลักษณ์ของคนกลุ่มนั้นๆเช่น ประเพณี การแต่งกาย อาหาร ศิลปะและสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่แสดงออกเฉพาะกลุ่ม
เรียกได้ว่าคติชาวบ้านมีประโยชน์ในแทบจะทุกแง่มุมของชีวิต ผูกพันกับคนตั้งแต่เกิดจนตาย และไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเท่าใด มีวิทยาการใหม่ๆมากแค่ไหน คติชาวบ้านก็ยังคงมีพลังมากพอที่จะทิ้งกลิ่นอายของมันมายังคนรุ่นหลังเสมอๆ

A Monster calls จงยินยอมรับความเจ็บปวดและก้าวข้ามมันไป

วิเคราะห์ความสัมพันธ์นิทานทั้ง3เรื่องของปีศาจกับการเติบโตของคอเนอร์ - โดย เจลดา
ในภาพอาจจะมี ข้อความ
           A Monster calls ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน หนังสือเล่มแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมแห่งปี และรางวัลภาพประกอบยอดเยี่ยมแห่งปีในเล่มเดียวกันโดย Patrick Ness ต่อมาได้นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อีกด้วย
A Monster calls เป็นวรรณกรรมในลักษณะเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า คือภายในเรื่องราวของตัวละครหลักก็มีการเล่านิทานซ้อนอยู่ถึงสามเรื่องด้วยกัน โดยนิทานทั้งสามจะทำให้ตัวละครหลักได้ค่อยๆเติบโตและเรียนรู้นั่นเอง
A Monster calls คือ เรื่องรางของ คอเนอร์ เด็กชายวัย13ปีที่ต้องทนกับการฝันร้ายทุกคืน ฝันร้ายมันเริ่มขึ้นเมื่อแม่ของเขาเริ่มป่วยหนัก อาการป่วยของแม่ทำให้ชีวิตเขาทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนเปลี่ยนไป และเขาเองก็ตั้งรับมันไม่ทัน เมื่อเขาไม่อาจยอมรับความจริงและการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยๆเกิดขึ้นได้ เขาจึงเรียกปีศาจต้นยูออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาไม่มั่นใจว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ความฝันแต่เขาจะพบกับปีศาจในเวลา 24:07 นาฬิกาเท่านั้น
 ปีศาจต้นยูเล่านิทานสามเรื่องให้เขาฟังเพื่อให้เขาเข้าใจโลกและยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ โดยเมื่อเรื่องที่สามจบลงคอเนอร์จะต้องเล่าเรื่องที่สี่ด้วยตัวเอง กล่าวคือเมื่อเวลานั้นมาถึง แม้มันจะยากลำบากหรือเจ็บปวดมากเพียงใดเขาก็ต้องยอมรับกับการจากไปของแม่และก้าวเดินต่อให้ได้
            เรื่องเล่าเรื่องที่หนึ่ง: เรื่องราวของเจ้าชายผู้เป็นฆาตกร เขาใช้ชีวิตของลูกสาวชาวนาคนรักของตัวเองเป็นเครื่องมือ เพื่อทวงบัลลังก์คืนจากแม่มดและป้ายความผิดว่านางเป็นคนสังหารเธอ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ปีศาจต้นยูก้าวเดินเพื่อไปช่วยนาง  นิทานเรื่องนี้สื่อว่าในโลกแห่งความจริงนั้นไม่มีแค่ขาวและดำ คนส่วนใหญ่จะอยู่ตรงกลาง คือคนเรามีทั้งดีและเลวปะปนกันอยู่ในตัวนั่นเอง การเป็นแม่มด ไม่ได้หมายความว่านางจะต้องสังหารลูกสาวชาวนา นอกจากจะโยนความผิดและหลอกทุกคนว่าแม่มดเป็นคนฆ่าคนรักของเขาแล้ว เจ้าชายยังหลอกตัวเองให้เชื่อแบบนั้นด้วย เขาได้กล่าวกับต้นยูว่า
ในเมื่อพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนเพื่อปกป้องอาณาจักร สาวงามของพระองคก็เช่นกัน
ความตายของนางจะช่วยโค่นล้มความชั่วร้ายที่ยิ่งใหญ่
ตอนที่เจ้าชายทรงรับสั่งว่าพระราชินีเป็นคนฆ่าเจ้าสาวของพระองค์
พระองค์ทรงเชื่อว่ามันเป็นความจริงในแบบของพระองค์

บางคั้งคนเราก็จำเป็นต้องโกหกตัวเองมากที่สุด
 (A monster calls, Patrick Ness, หน้า62)
คอเนอร์ไม่ชอบเรื่องนี้ นั้นก็เป็นเพราะ คนเรามักตัดสินอะไรสักอย่างจากสิ่งที่เราเข้าใจ ไม่ใช่จากความจริง เมื่อคอเนอร์หลอกตัวเองว่าแม่จะดีขึ้น และเขาอยู่เองได้ คุณยายจึงกลายเป็นแม่มด ที่กล่าวโทษทั้งหมดให้เธอ
            เรื่องเล่าเรื่องแรก ปีศาจต้นยูเล่าให้คอเนอร์ฟังหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่แม่เขาอาการทรุดหนัก คุณยายจึงต้องมาอยู่ด้วย คอนเนอร์ไม่ชอบคุณยาย คุณยายจึงเปรียบได้กับแม่มดที่ขึ้นยึดคลองบัลลังก์ของเจ้าชายไปเมื่อพระราชาสวรรคต เพราะคุณยายจะนอนในห้องของเขาและเขาต้องลงไปนอนที่โซฟา สิ่งที่เคยเป็นของเขาพื้นที่ของเขาได้หายไปหมด แต่ความจริงที่คอเนอร์ลืมคิดก็คือการที่เขาไม่ชอบคุณยาย ไม่ได้หมายความว่าคุณยายจะมาเพื่อยึดเอาความสุขของเขาไป เพราะความจริงก็คือคุณยายมาเพื่ออยู่ช่วยดูแลเขา นิทานเรื่องนี้จะช่วยให้คอเนอร์ยอมที่จะไปอยู่กับคุณยายได้
            เรื่องเล่าเรื่องที่สอง: เรื่องราวของคนปรุงยาที่ต้องการโค่นต้นยูเพื่อนำมาทำยารักษาโรคต่างๆ แต่มีบาทหลวงท่านหนึ่งได้ขัดขวางเขา เพราะบาทหลวงเชื่อเรื่องการแพทย์สมัยใหม่ และบาทหลวงยังเทศนาให้ชาวบ้านเลิกไปรักษากับคนปรุงยาอีกด้วย วันหนึ่งลูกสาวทั้งสองของเขาป่วยหนักไม่มีหมอคนใดรักษาได้ยกเว้นคนปรุงยา บาทหลวงจึงยอมทุกอย่างเพื่อให้คนปรุงยารักษาลูกๆ แต่คนปรุงยากลับปล่อยให้เธอทั้งคู่ตายไป นั้นเป็นเหตุให้ปีศาจต้นยูก้าวเดินเพื่อไปพังบ้านของบาทหลวง
บาหลวงผู้ที่มีชีวิตอยู่ได้จากความเชื่อและศรัทธา แต่แรกเขาไม่เชื่อว่าคนปรุงยาจะรักษาใครได้และเขาทำลายคนปรุงยาด้วยการเทศนา ครั้งต้องการความช่วยเหลือกลับละทิ้งทุกความเชื่อ แม้ภาพลักษณ์คนปรุงยาจะแย่กว่าบาทหลวงแต่คนปรุงยาก็ช่วยรักษาคนในขณะที่บาทหลวงไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น
ประโยคในนิทานที่ว่า ผู้คนอาศัยบนพื้นดินแทนที่จะอยู่ภายในพื้นดิน” (A monster calls, Patrick Ness, หน้า99) สื่อถึงการที่บาทหลวงเชื่อเรื่องกาแพทย์สมัยใหม่ คิดว่าจะอยู่เหนือธรรมชาติได้ นั้นก็เป็นอีกสาเหตุที่ความเชื่อของเขาคราดชีวิตลูกทั้งสองของขาไป
คอเนอร์ไม่ชอบนิทานเรื่องนี้เช่นเดิม แต่เขาก็ร่วมวงทำลายล้างบ้านบาทหลวงร่วมกับปีศาจ ซึ่งมันคือการทำลายบ้านของคุณยายเขานั้นเอง
เรื่องเล่าเรื่องที่สอง ปีศาจต้นยูเล่าให้คอเนอร์ฟังหลังจากเกิดเหตุการณ์ ที่เขาไม่สามารถไปอยู่กับพ่อของเขาได้ และอาจจะต้องอยู่กับคุณยายต่อไป ซึ่งนั้นหมายถึงการเตรียมการเมื่อแม่ของเขาตายไป
นิทานเรื่องนี้อาจจะบอกเป็นนัยๆว่าท้ายที่สุด แม้จะมีความหวัง แต่ความจริงลึกๆที่เชื่อไปแล้วนั้นแหละคือคำตอบ คำตอบที่ว่าไม่มีใครฝืนธรรมชาติได้  หลังจากเล่านิทานเรื่องนี้จบ คอเนอร์ก็คิดว่าต้นยูอาจจะรักษาแม่ของเขาได้แต่ปีศาจตอบเขาว่า ถ้าแม่ของเธอรักษาได้...ต้นยูก็จะรักษาให้ (A monster calls, Patrick Ness, หน้า137)
            เรื่องเล่าเรื่องที่สาม: มนุษย์ล่องหน ปีศาจเล่าผ่านประสบการณ์ตรงของคอเนอร์ที่เขารู้สึกไร้ตัวตนที่โรงเรียน เพราะทุกคนรู้เรื่องที่แม่เขาป่วยหนัก ทุกคนจึงมองเขาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ในนิทานเรื่องนี้มนุษย์ล่องหนได้พยายามทำให้ตัวเองมีตัวตน คอเนอร์เองก็เช่นกัน แต่เขาเลือกวิธีการทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นคนสุดท้ายที่กำลังจะเลิกมองเห็นเขา และผลของการกระทำนั้นก็คือ เขาได้รับความสนใจมากขึ้นและไร้ตัวตนมากขึ้นไปด้วย
            เรื่องเล่าเรื่องที่สาม ปีศาจต้นยูเล่าให้คอเนอร์ฟังหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่แฮร์รี่ เด็กชายที่เป็นคนเดียวที่มองเห็นเขา แกล้งเขา กำลังจะมองไม่เห็นเขาอีกต่อไป นั้นทำให้เขาโกธรมาก
คอเนอร์ได้รับความสนใจและสงสารเป็นพิเศษจากเรื่องแม่ ซึ่งนั่นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขาอาจจะได้สิทธิ์พิเศษ เช่นทำอะไรก็ไม่โดนลงโทษ นั่นทำให้เขาโหยหาความปกติอย่างคนอื่น และเต็มใจให้แฮร์รี่แกล้ง(ลงโทษ)เขา แต่เขาคิดไปเองรึเปล่าว่าเขาเป็นมนุษย์ล่องหน เขาแค่มองไม่เห็นความสนใจของคนรอบข้าง จริงๆเขาได้รับความสนใจมากเกินไปด้วยซ้ำ ทุกคนอาจจะเห็นเขามาโดยตลอดเพียงแต่ไม่กล้าที่จะเขามาพูดคุยด้วยก็เท่านั้น
พอเขาทำร้ายแฮร์รี่ เขาจึงได้รับความสนใจจริงๆในแบบที่เขามองเห็นได้ชัดเจน ทุกคนมองมาที่เขา แต่หลังจากนั้นทุกคนจะพยายามไม่มองเห็นเขาอีกต่อไป คอเนอร์ไม่ใช่มนุษย์ล่องหนอีกต่อไป เวลานี้ทุกคนเห็นเขาแล้ว แต่เขากลับอยู่ห่างไกลออกไป” (A monster calls, Patrick Ness, หน้า156)
            นิทานทั้งสาม มีจุดร่วมเดียวกันคือ อย่าตัดสินอะไรจากสิ่งที่เราเข้าใจไปเองจงหาความจริงในความซับซ้อนของมนุษย์ เรื่องแต่ละเรื่องจะค่อยๆปรับความคิดของคอเนอร์ให้เข้าใจสถานการณ์เรื่องแม่ของเขา และยอมพูดความจริงในใจ
ความจริงที่ว่า เขารู้อยู่ลึกๆว่าแม่ของเขาจะตาย เขาต้องทนทุกข์อยู่กับปัญหาที่มาจากสิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อแม่ป่วย(อาการของแม่, ต้องไปอยู่กับคุณยาย, เพื่อนๆที่โรงเรียน)มันเป็นปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าเด็กอายุเท่าเขาจะแบกรับได้ และเขาต้องการหยุดความทุกข์นี้ แต่มันก็เท่ากับการปล่อยให้แม่เขาตายไปเพื่อจบเรื่องพวกนี้หรือ เขารู้สึกผิดที่คิดแบบนั้น และ เขาไม่อยากให้แม่เขาตาย
เรื่องสุดท้ายที่คอเนอร์จะต้องเล่าเอง คือการยอมรับความรู้สึกซับซ้อนทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น แล้วปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างไป ในตอนที่แม่ของเขาตกลงไปในหลุมและเขาจับมือแม่ไว้ แม่บอกว่า อย่าปล่อยมือ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจรั้งแม่เอาไว้ได้ แม่เขาหนักเกินไป และเธอก็หลุดจากมือเขา คอเนอร์บอกว่าแม่ล่วงลงไปเอง แต่ปีศาจบอกว่าคอเนอร์เป็นคนปล่อยแม่ไปและเขาต้องพูดความจริง ถ้าไม่เช่นนั้ปีศาจจะฆ่าเขา ตรงจุดนี้ทำให้รับรู้ได้ว่า เขาไม่อาจสู้กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ได้ มีเกิดก็ต้องมีตาย เพราะความเจ็บปวดที่ยื้อแม่ไว้ทำให้เขาทำได้แค่ปล่อยแม่ไป และการยอมรับความจริงจะทำให้เหลุดออกจากบ่วงความรู้สึกผิด ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอย่างที่ปีศาจบอก คือ ความจริงจะตามมาหลอกหลอนเขา และมันจะฆ่าเขา
ในที่สุดคอเนอร์ก็ยอมพูด
 ผมทนไม่ได้ที่รู้ว่าแม่จะต้องจากไป! ผมแค่อยากให้มันจบลง...ผมรู้มาตลอดว่าแม่จะไม่รอด รู้แทบตั้งแต่แรกเริ่มต้น แม่บอกว่าแม่ดีขึ้น เพราะแม่รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ผมอยากได้ยิน และผมเชื่อแม่แต่จริงๆแล้วผมไม่เชื่อ
(A monster calls, Patrick Ness, หน้า188-189)
ปีศาจพูดว่า ใจหนึ่งของเธอภาวนาให้มันสิ้นสุดลง แม้ว่ามันจะหมายถึงการสูญเสียแม่ก็ตาม
(A monster calls, Patrick Ness, หน้า190)
เรื่องเล่าทั้งหมดทำให้คอเนอร์เขาใจว่ามนุษย์นั้นซับซ้อน เขาเองก็เช่นกัน การที่เขาต้องเจ็บปวดกับความคิด ความรู้สึกผิด ความเชื่อ และคำโกหก ที่เขารู้ความจริงอยู่ตั้งแต่ต้น ปีศาจได้บอกวิธีสู้กับสิ่งเหล่านี้ไว้แล้วว่า สิ่งที่เธอคิดไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือสิ่งที่เธอทำ (A monster calls, Patrick Ness, หน้า192)
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ผู้คนกำลังนั่ง, สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ


วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

「キム・ジェウク」 のスポット映像が到着!

เมื่อไหร่จะมาไทยคะ...
มีความหวังจริงๆนะเนื่ย
https://youtu.be/a0ow6isI524 

Kim Jae Wook talk to fans

キム・ジェウク
 https://youtu.be/DYbXWyFqajo

2 rooms 2 nights movie - Kim Jae Wook

キムジェウク
 https://youtu.be/J1-686Sl9lg

my speci 나의 특파원 오빠 - Kim Jae Wook

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ภาพระยะใกล้ และ ข้อความ ในภาพอาจจะมี 2 คน ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังนั่ง และ สถานที่ในร่ม  ในภาพอาจจะมี 2 คน, ข้อความ และ ภาพระยะใกล้ ในภาพอาจจะมี 2 คน, ภาพระยะใกล้ ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ และ ภาพระยะใกล้ 
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ภาพระยะใกล้
 CR : https://www.facebook.com/325164410881515/photos/?tab=album&album_id=1320364874694792my speci 나의 특파원 오빠

[Better ent.] VOICE EP.9-10 - PIC #3

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ชุดสูท และ สถานที่ในร่ม ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง และ ชุดสูท
โอ้ย...แสบตา (ตั๊ลล๊ากกกกกกกกกกกกก) 
CR: https://www.facebook.com/KimJaeWookThailand/
https://scontent.fbkk2-1.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/16938493_1403499459714666_8815334122706154786_n.jpg?oh=d464bae418a99c491f4c08382c401bef&oe=592EE241 

[Better ent.] VOICE EP.9-10 - PIC #2

COFFEE

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน, ชุดสูท และ สถานที่ในร่ม ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป, ชุดสูท และ สถานที่ในร่ม  ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยืน, โทรศัพท์ และ สถานที่ในร่ม 

CR: https://www.facebook.com/pg/KimJaeWookThailand/photos/?tab=album&album_id=1403500326381246

[Better ent.] VOICE EP.9-10 - PIC

ในภาพอาจจะมี 1 คน, รองเท้า และ สถานที่ในร่ม
กระจกวิเศษบอกข้าเถิด
ใครหล่อเหลาที่สุดในปัทพี... 

ก็แจวุคนะสิ!
ในภาพอาจจะมี 1 คน 
หล่อทุกมุม 
ในภาพอาจจะมี 1 คน ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืนในภาพอาจจะมี 2 คน ในภาพอาจจะมี 1 คน 
  CR : https://www.facebook.com/pg/KimJaeWookThailand/photos/?tab=album&album_id=1403500326381246

วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

VOICE - KIM JAE WOOK BTS PIC

https://www.facebook.com/325164410881515/photos/?tab=album&album_id=1372616039469675&qsefr=1

ในภาพอาจจะมี 1 คน
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ภาพระยะใกล้
ในภาพอาจจะมี 2 คน, กล้อง
http://m.photoviewer.naver.com/blog?listUrl=m.blog.naver.com/ocnblog/220940686779/&imgId=50&host=m.blog.naver.com/photoviewer&blogId=ocnblog&logNo=220940686779#main/50

VOICE - KIM JAE WOOK IS MURDER


CR PIC : https://www.facebook.com/KimJaeWookThailand/
#1 Moo Jin-Hyuk 's Wife
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป
#2 Kang Kwon-Joo's Father
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป
#3 Ko Dong-Chul
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป
#4 old woman with Alzheimer's disease
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังนั่ง 
#5 A Woman in Bar
ในภาพอาจจะมี 2 คน, ผู้คนกำลังยืน
จนถึงตอนที่10 เขาฆ่าคนมาแล้ว 5 คน
เครื่องแต่งกายของฆาตกร ...
ใส่สูทหรู...
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังยืน
รองเท้าอย่างดี...
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ รองเท้า
สวมเสื้อคลุมมีฮู้ดปิดหน้า...
ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป และ ผู้คนกำลังยืน 
พกลูกตุ้มเป็นอาวุธ...
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
และสองศพล่าสุดมีการเขียนข้อความด้วยเลือดทิ้งไว้...

김재욱 - VOICE EP.8 9 10 pic

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กลางคืน
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ภาพระยะใกล้
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ภาพระยะใกล้
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ชุดสูท
ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง และ ภาพระยะใกล้
Cr : https://www.facebook.com/KimJaeWookThailand/
HE IS THE REAL PSYCHOPATH.

VOICE EP.10 - Kim Jae Wook smile

보이스 

김재욱

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง และ ภาพระยะใกล้ ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป
CR :  https://www.facebook.com/KimJaeWookThailand/